> กองทุน >

04 สิงหาคม 2021 เวลา 12:24 น.

ธ.ทิสโก้ชี้ 4 ธีมเมกะเทรนด์จีนยังโตเด่น แนะจังหวะช้อปหุ้นราคาถูก

ทันหุ้น - ธนาคารทิสโก้ชี้ 4  ธีมหุ้นเมกะเทรนด์จีนยังมีศักยภาพโตสูงตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่ของจีน  แนะใช้โอกาสหุ้นจีนร่วงหนักจากการจัดระเบียบของรัฐบาล ช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีเพิ่มหลังราคาต่ำกว่าหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในรอบ 10 ปี ย้ำเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว


นายณัฐกฤติ  เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้  จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนลดลงแรง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจนทำให้มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ  เป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 10 ปี เพราะได้รับแรงกดดันอย่างรุนแรงหลังทางการจีนใช้มาตรการที่เข้มงวดกับหุ้นกลุ่มบริษัทกวดวิชาที่เติบโตอย่างมากในช่วง  3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจีนกำลังเข้ามากำกับธุรกิจเกมออนไลน์ที่มีเยาวชนของจีนเล่นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งจากนโยบายการจัดระเบียบบริษัทเอกชน 4  ด้าน คือ 1. ต่อต้านการผูกขาดการค้า 2. ควบคุมเสถียรภาพทางการเงิน 3. ดูแลความปลอดภัยด้านข้อมูล และ 4. ความเท่าเทียมกันของสังคม


อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารทิสโก้คาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยลบในระยะสั้นเท่านั้น และเชื่อว่ารัฐบาลจีนต้องการ ‘จัดระเบียบ’ มากกว่าทำลายธุรกิจเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันจีนมีสัดส่วนของ “ดิจิทัล อีโคโนมี” มากถึง 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 1 ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเองก็ถือเป็นตัวชี้นำดัชนี MSCI  China Index เพราะมีสัดส่วนมากถึง 40% ของมูลค่าตลาด สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยีจีนที่มีต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจีน  อีกทั้ง ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  (ก.ล.ต.) ของจีนก็จัดประชุมกับผู้บริหารของธนาคารในจีนเพื่อสื่อสารว่า นโยบายที่เกิดขึ้นกับบริษัทกลุ่มการศึกษาจะไม่ถูกขยายผลไปยังอุตสาหกรรมอื่น


ทั้งนี้ จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีจีน  (Valuation) พบว่าอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้นล่วงหน้า  (Forward P/E) ของหุ้นเทคโนโลยีจีน ในดัชนี CSI 300 ลดลงมาเทรดที่ระดับต่ำกว่าของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ใน ดัชนี S&P 500 โดยเทรดที่ระดับต่ำกว่าถึง 5% ในรอบ  10 ปี บ่งชี้ว่าหุ้นเทคโนโลยีได้ปรับลดลงรับข่าวดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว อีกทั้ง การวัดระดับผลตอบแทนขาดทุนสูงสุดในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเทียบจากจุดที่เคยได้รับผลตอบแทนสูงที่สุดของหุ้นจีน (MSCI China Max Drawdown (%)) ในขณะนี้ได้ปรับลงมาใกล้เคียงกับช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ  และจีน ในปี 2561 แล้ว ซึ่งในช่วงนั้นตลาดหุ้นจีนใช้เวลาเพียงแค่  1 ปี ก็สามารถฟื้นตัวได้กว่า 30% และกลับมายืนได้ในจุดเดิม


นายณัฐกฤติกล่าวว่า  จากเหตุผลข้างต้นธนาคารทิสโก้จึงมองว่า ในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น ‘เมกะเทรนด์ของจีน’ ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่จีนมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก  มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างชัดเจน และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากทางภาครัฐจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  ฉบับที่ 14  ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ปี  2564 - 2568 (China’s 14th Five-Year  Plan) โดยมี 4 ธีมเมกะเทรนด์ของหุ้นจีนที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว  ดังนี้


1. กลุ่มอุปโภคบริโภค  (Consumption) เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากพลังการบริโภคของประชากรจีนที่มีจำนวนกว่า  1,400 ล้านคน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐที่ตั้งเป้าจะยกระดับการบริโภคในประเทศ (Domestic Consumption) ให้ขยายตัวขึ้น และลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่ารายได้ภาคครัวเรือนของคนจีนจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าตัวภายในปี  2573 จากระดับปัจจุบันที่ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไปเป็น  12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในจีนสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง


ซึ่งปัจจุบันช่องทางการบริโภคหลักของคนจีน  จะมาจากส่วนของออนไลน์ (Online Retails) หรือ อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าผ่านช่องทาง E-commerce ของประเทศจีนอยู่ที่ระดับ  2.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 45% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด ใหญ่กว่ายอดขาย E-commerce ของสหรัฐฯ  ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงเกือบสามเท่าตัว  ทั้งนี้ eMarketer คาดการณ์ว่าตลาด E-commerce ของจีนจะยังเติบโตขึ้นอีก  21% ในปี 2564 ขึ้นไปแตะระดับ 2.77 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


2. กลุ่มเทคโนโลยี (Technology) ถือเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่สำคัญของจีนที่รัฐบาลต้องการพัฒนาสินค้า ด้วยการับจ้างผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น  โดยปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็มาจากกอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรจีนที่เพิ่มสูงขึ้นมาเป็นกว่า 1,000 ล้านคน หรือ คิดเป็น  67% ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยบริการที่คนจีนนิยมใช้งานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ได้แก่  การค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine การชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ (Online Payment) รวมไปถึงการเล่นเกมหรือดูวิดีโอต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้กิจการที่ขายสินค้าหรือให้บริการผ่านระบบ Internet ในประเทศจีนมีโอกาสเติบโตอีกมาก และในอนาคตรัฐบาลจีนยังคงวางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี  5.0 ทั้ง 5G, AI, Internet of Things, Semiconductors และ Smart Cities ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว


3. กลุ่มเฮลธ์แคร์ (Healthcare) ที่ได้ประโยชน์จากลักษณะโครงสร้างประชากรของประเทศที่กำลังมีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจีนกำลังจะเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ  (Ageing Society) ภายในปี 2568 ซึ่งประชากรผู้สูงอายุมีโอกาสในการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงชนิดต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตาม ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังได้มีแผนการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม Healthcare ผ่าน  “Healthy China 2030 Plan” ด้วยการพัฒนาคุณภาพยาร่วมกับต่างชาติ  เพิ่มความคล่องตัวในการอนุมัติยาตัวใหม่ ตลอดจนเพิ่มงบประมาณในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในอุตสาหกรรม Healthcare โดยในช่วง  3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 17.7% ต่อปี  สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงแค่ราว 4.5%  ต่อปี


ทั้งนี้  ความต้องการในสินค้าและบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นนั้น  จะส่งผลให้บริษัทในกลุ่ม Healthcare อย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตยา  บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ โรงพยาบาล ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์  และการพบแพทย์ทางออนไลน์ (Telemedicine)  เป็นกิจการที่ได้รับประโยชน์จากเมกะเทรนด์ของสังคมผู้สูงอายุในจีน


4. กลุ่มพลังงานสะอาด (Clean  Technology) จากปัจจุบันที่จีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนราว  30% ของโลก รัฐบาลจีนจึงได้ตั้งเป้าว่าจีนจะต้องเป็นประเทศที่  “ปลอดคาร์บอน” ให้ได้ภายในปี 2603 ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการเพิ่มกำลังการผลิต  รวมถึงอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ สถานีชาร์จและรถยนต์ไฟฟ้า


โดยปัจจุบันจีนถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถทำยอดขายรถยนต์ EVs ได้สูงถึง  1.3 ล้านคันในปี 2563 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่า  ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนจะยังสามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 12 ล้านคันได้ภายในปี 2573 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้นที่สูงถึง  25% ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังเติบโตได้อีกไกลมาก


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X