ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย มีมุมมองบวกต่อ KKP จากผู้บริหารปรับลดประมาณการ NPL และปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปี 64 ขึ้น สินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือปรับเพิ่มขึ้น แต่ดูเหมือนผู้บริหารจะไม่กังวลกับส่วนนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่เคยเข้ารับการช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีโอกาสในการปรับลด ECL ในครึ่งหลังปี 64 ถึงปี 65 เพราะตั้ง ECL ส่วนเกินไปมากแล้วในไตรมาส 2/64 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายที่ 77 บาท

**ปรับเพิ่มเป้าหมายปี 2564 

ผู้บริหารทำการปรับเพิ่มตัวเลขแนวทางในแง่ต่างๆ สำหรับปี 2564 ขึ้น ซึ่งเหนือความคาดหมายของฝ่ายวิจัย ชี้ถึงสถานการณ์ด้านหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ผ่อนคลายลงมากขึ้น รวมถึงภาพรวมการเติบโตที่ดี 

เป้าหมายหลักๆ ที่ผู้บริหารปรับเปลี่ยน คือ 1) ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของสินเชื่อขึ้นเป็น 8-12% จาก 5% สืบเนื่องจากภาพรวมธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่าคาด ซึ่งดีกว่าประมาณการปัจจุบันของฝ่ายวิจัยเล็กน้อยที่ 7.5% 2) ปรับลดเป้าหมายอัตราส่วน NPL ลงเป็น 4.0% จาก 4.5% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการ NPL ของฝ่ายวิจัยที่ 3.8% 3) ปรับเพิ่มอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) บนงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จเป็น 14% จาก 11-12% และ 4) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) เป็น 280bps จาก 250bps ซึ่งส่วนที่เพิ่มขึ้น 30bps นั้นมาจากสำรองสำหรับปัจจัยอื่น (management overlay) จำนวน 824 ลบ. ในไตรมาส 2/2564 เพื่อตั้งเป็นส่วนเผื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าในธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ 

โดยตัวเลขแนวทางชุดใหม่ ได้รวมปัจจัยด้านสถานการณ์ปัจจุบันในเดือน ก.ค. เข้ามาแล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขส่วนใหญ่ยังคงสอดคล้องกับประมาณการปัจจุบันของฝ่ายวิจัย จึงยังคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 5.75 พันลบ. (+12% YoY)

**สินชื่อภายใต้มาตรการเยียวยา-การปรับโครงสร้างหนี้ 

สินเชื่อของ KKP ที่อยู่ภายใต้มาตรการเยียวยา (LRP) คิดเป็น 13% ต่อสินเชื่อทั้งหมดในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้นจาก 8% ในไตรมาส 1/2564 แต่ผู้บริหารไม่ได้มีความกังวลต่อการปรับเพิ่มขึ้นของ LRP ดังกล่าวในไตรมาส 2/2564 เพราะส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าที่ออกไปแล้วกลับเข้ามาร่วมโครงการใหม่ไม่ได้มาจากกลุ่มลูกค้าใหม่ 

นอกจากนี้ KKP ก็มีแผนการยื่นข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้กลุ่ม LRP เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว โดยแผนการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจะไม่มีความเสี่ยงประเภทการกระจุกตัวของการชำระหนี้ในงวดท้าย ๆ ของโครงการ (balloon payment) เพราะจะมีเงื่อนไขการชำระแบบขั้นบันไดตามคาดการณ์กระแสเงินสดของลูกค้า 

ขณะที่ดอกเบี้ยค้างชำระจะแบ่งเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละงวด ทั้งนี้ คาดว่า LRP จะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังปี 2564 แต่จะไม่ปรับสูงขึ้นเป็น 35-40% ต่อสินเชื่อทั้งหมดอย่างในไตรมาส 2/2563 ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่า LRP ในครึ่งหลังของปี 2564 จะไม่ได้กลายเป็นภาระต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ของ KKP เพราะดอกเบี้ยที่คิดในช่วงการพักชำระหนี้จะทบยอดไปชำระในภายหลัง

**โอกาสในการปรับลด ECL 

ณ ไตรมาส 2/2564 ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ทั้งหมดอยู่ที่ราวๆ 1.54 หมื่นลบ. ประกอบด้วยการตั้งสำรองส่วนเกิน 1.3 พันลบ. และ management overlay จำนวน 3.7 พันลบ. ชี้เป็นนัยว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ KKP ต้องการอัตราส่วนการตั้งสำรอง (coverage ratio) เพียง 100-110% เมื่ออิงจาก TFRS 9 เทียบกับที่เคยตั้งถึง 160% ในไตรมาส 2/2564 

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายวิจัยจึงเชื่อว่า KKP ยังคงมีส่วนเผื่อเพียงพอต่อการสร้างเสถียรภาพต่อกำไรในครึ่งหลังปี 2564 และมีโอกาสที่จะปรับลด credit cost ลงได้ในครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้แย่ลงกว่านี้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรในครึ่งหลังของปี 2564 จะปรับดีขึ้นเล็กน้อย HoH ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ด้วยแรงหนุนจาก ECL ที่ลดลง

ฝ่ายวิจัย ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 77 บาท ชอบ KKP จากสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมระดับสูงจากธุรกิจตลาดทุน ซึ่งจะกลายเป็นกันชนในช่วงปี 2564-65 ได้รวมถึงการที่ธนาคารหันไปเน้นกลุ่มสินเชื่อที่มีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ที่จะช่วยหนุนความสามารถในการเติบโตหลังวิกฤติโควิด-19 ได้ คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่ 5.4%/8.9% ในปี 2564-65

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1