ทันหุ้น - KBS ครึ่งแรกเทิร์นอะราวน์ รับดีมานด์ทะลัก ราคาขายพุ่ง ด้านผู้บริการ "อิสสระ ถวิลเติมทรัพย์" ยิ้มรับเงินบาทอ่อนค่า ดันยอดส่งออกโต แถมได้ดีราคาน้ำตาลโลกขาขึ้น หนุนรายรับกระฉูด พร้อมลุยเปิดโรงงานน้ำตาลใหม่สีคิว กรุยทางรับทรัพย์เพิ่ม

แหล่งข่าวการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานของบริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ในครึ่งแรกปี 2564 คาดน่าจะพลิกเป็นบวก จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนราว 29.14 ล้านบาท หลังช่วงไตรมาส 1/2564 ธุรกิจมีกำไรแล้วราว216.05 ล้านบาท ประกอบกับทิศทางความต้องการ (ดีมานด์) ขยายตัว และราคาขายขยับสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลสัดส่วนรายได้ของ KBS ล่าสุด แบ่งเป็น การดำเนินธุรกิจในกลุ่มน้ำตาลและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคิดเป็นตัวเลขประมาณ 90%, ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอีกราว 10% ซึ่งเฉพาะธุรกิจน้ำตาลนั้นมากกว่า 70% เป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ

ยิ้มรับน้ำตาลโลกพุ่ง

ด้านนายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากแนวโน้มราคาขายน้ำตาลขยับเพิ่มและความต้องการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติม

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ล่าสุดอยู่ที่ราว 17.62 เซนต์ต่อปอนด์ จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กว่า 12 เซนต์ต่อปอนด์นั้นบริษัทมองถือเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะช่วยทำให้รายได้จากธุรกิจน้ำตาลมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง

บาทอ่อนหนุน

ส่วนทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2564) บริษัทประเมินน่าจะเป็นผลบวกต่อธุรกิจ เพราะปัจจุบันธุรกิจน้ำตาลของ KBS มีรายได้จากการส่งออกค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้รายได้จากการส่งออกขยายตัวแทบทั้งสิ้น

ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง จากบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) 1 สัญญา 22 เมกะวัตต์ และเริ่มขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อีก 2 สัญญา 16 เมกะวัตต์เป็นปีแรก รวมเป็นทั้งหมด 38 เมกะวัตต์

ซึ่งในช่วงไตรมาส3/2563 ที่ผ่านมาทาง KBS ได้มีการโอนสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี (KPP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงประเภทโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ขนาด 22 เมกะวัตต์ ระหว่าง KPP กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) โดยพิจารณาเฉพาะรายได้ส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และราคาเฉลี่ยค่าถ่านหิน สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่สองคือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาด 3.5 เมกะวัตต์

ปั้นโรงน้ำตาลใหม่

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ที่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ขนาดกำลังผลิตราว 1.2 หมื่นตันต่อวัน และลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 18 เมกะวัตต์ รองรับการผลิตเพื่อใช้ในโรงงานน้ำตาลดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนราว 3-4 พันล้านบาท โดยน่าจะสามารถดำเนินการเปิดผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ช่วงปลายปี 2564

ทั้งนี้ หากแผนงานต่างๆ สำเร็จไปตามที่วางไว้ ทาง KBS คาดน่าจะช่วยสนับสนุนให้กำลังผลิตน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นราว 4.7 หมื่นตันต่อวัน จากเดิมที่มีความสามาถในการผลิตรวมราว 3.5 หมื่นตันต่อวัน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นราว 34.28%