ทันหุ้น – BJCยังมั่นใจธุรกิจไปต่อได้แม้ล็อกดาวน์ ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องใช้สินค้าของบริษัทในเครืออย่าง BIGC  โดยเฉพาะในกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ทำทียอดขายได้เพิ่มทวีคูณ อีกทั้งยังมีช่องทางออนไลน์หนุน และมีพันธมิตรที่เป็นผู้นำสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้ภายใน 1 ชั่วโมง ทางด้านโบรกชี้ ต่างประเทศโควิดคลาย หนุนสินค้าส่งออกโต

ดร.ปิยะวรรณ ปิยะพงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่สายธุรกิจบริการและอีคอมเมิร์ช บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC ในกลุ่ม บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) BJC เปิดเผยว่า เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบากของโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 สินค้าในหมวดเวชภัณฑ์ทางการแพทย์มีแนวโน้มเติบโตสูง

“สินค้าเวชภัณฑ์ อาหารเสริม ยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงยาเฉพาะโรคบางตัว มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มเป็นทวีคูณในสถานการณ์ เช่นเดียวกับกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โควิด-19 กลุ่มบริษัทจึงวางกลยุทธ์บริหารจัดการ ทั้งกระบวนการตั้งแต่เตรียมสินค้า ปรับช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่งสินค้าเพื่อให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินค้ากลุ่มต่างๆ”

ล็อกดาวน์มาธุรกิจก็เดินได้

ดร.ปิยะวรรณ  กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเผชิญสถานการณ์โควิด-19 มาตั้งปีที่ผ่านมา จึงร่วมกับพันธมิตรทั้งซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายปรับกลยุทธ์ทั้งกระบวนการสต๊อกสินค้า และช่องทางจัดจำหน่าย ให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น รวมถึงระบบการขนส่งสินค้า ทำให้กลุ่มบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้แม้จะต้องล็อกดาวน์

พร้อมกันนี้ กลุ่มบริษัทเห็นเทรนด์การซื้อสินค้าในช่องทาง“บิ๊กซีออนไลน์” เติบโตอย่างจึงมีการ พัฒนาแพลตฟอร์ม “บิ๊กซีออนไลน์” ให้สามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก หาสินค้าง่าย ปัจจุบันจำนวนสมาชิกออนไลน์เพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางหลักมาจากการสั่งซื้อผ่านอีคอมเมิรซ์ รวมถึงบิ๊กซี ออนไลน์ และรวมถึงการขยายช่องทางการขายผ่านคอลแช็ทช้อปกว่า 1,700 สาขา ให้ลูกค้าโทรหรือไลน์มาสั่งสินค้าใน “บิ๊กซีฟู๊ดพาร์ค” กับพนักงานบิ๊กซีได้โดยตรงและพร้อมจัดส่งถึงบ้านภายใน 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ BJC ได้ประเมินแนวโน้มผลงานของธุรกิจในเครือว่าปี 2564 ยังน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 เนื่องจากคำสั่งซื้อ ในกลุ่มอาหาร แพ็จเก็จจิ้ง ฯลฯ ขยายตัวได้เป็นผลมาจากธุรกิจมีการทำตลาดลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกันยังได้จัดงบลงทุนไว้ประมาณ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 50% นั้นเป็นการรองรับการเปิดสาขาใหม่  อาทิ ไฮเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 2 สาขาในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้, มินิบิ๊กซีอีก 100 สาขา และที่เหลือเป็นการรองรับการปรับปรุงสาขาเดิมและธุรกิจในส่วนต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น

BJCไปต่อแม้โควิดยังอยู่

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่ายังคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น BJC ให้ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท แม้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และบิ๊กซีจะยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด แต่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีคำสั่งซื้อของลูกค้ากลับเข้ามามากขึ้น และได้ผลบวกจากกระแส Sustainable packaging อีกทั้งกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ยังเติบโตต่อเนื่อง

โดยในส่วนของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะเติบโตกว่าช่วงไตรมาส 1/2564 เนื่องจากยอดขายขวดแก้วเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าเครื่องดื่ม (non-alcohol) และกลุ่มอาหาร มีการส่งออกได้มากขึ้นหลังจากโควิดในต่างประเทศคลี่คลายลง ขณะที่ยอดขายกระป๋องอลูมิเนียมจะฟื้นตัวเนื่องจากลูกค้าที่ส่งออกสินค้าไปเมียนมากลับมาส่งสินค้าไปได้มากขึ้นกว่าไตรมาส 1/2564 ที่มีปัญหาด้าน Supply chain และระบบธนาคาร

อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่วนกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์คาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดีจากการขายเครื่องเอ็กซ์เรย์ และมีการส่งมอบวัคซีน ไข้หวัดใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรในไตรมาส 2/2564 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564

ขณะที่ผู้บริหารยังคงตั้งเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มขึ้น 1-7% จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้ผลบวกจากกระแส Sustainable packaging และการเปลี่ยนจากการใช้กระป๋องเหล็กมาเป็นอลูมิเนียม อีกทั้งมีการผลิตกระป๋องขนาดใหม่ และการเติบโตของ Functional drink ส่วนเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.50% จากกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายยังควบคุมได้ดี อีกทั้งค่าใช้จ่ายพนักงานลดลงหลังปรับโครงสร้างองค์กรเมื่อกลางปีก่อน