> SET > MAJOR

09 กรกฎาคม 2021 เวลา 12:13 น.

KS มอง MAJOR ราคาน่าดึงดูดจนไม่ควรมองข้าม

บริษัท กสิกรไทย จำกัด ระบุถึง บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. MAJOR ได้จัดการประชมุ นักวิเคราะหร์อบพิเศษเพื่อชี้แจงถึงข้อเสนอในการขายเงินลงทุนในบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จ ากัด (มหาชน) (SF “ซื้อ” เป้าหมาย 8 บาท) โดยมีตัวแทานจากฝั่งของ sell-side และ buy-side 70 ท่านเข้าร่วมการประชุมที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในครั้งนี้ทั้งนี้ราคาหุ้นของ MAJOR ได้ปรับลดลง 15.6% หลังจากบริษัทฯ แจ้งกับตลาดเกี่ยวกับข้อตกลงนี้เมื่อวันที่ 5 ก.ค.


เมื่อวันที่ 5 ก.ค. MAJOR ได้แจ้งกับตลาดว่าบริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการขายหุ้นที่ถืออยู่ใน SF จ านวน 647.16 ล้านหุ้น ให้กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จ ากัด (มหาชน) (CPN “ซื้อ” เป้าหมาย 59 บาท) ที่ราคา 12.00 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าธุรกรรมที่ 7.77 พันลบ. และกำไรสุทธิจากภาษีที่ 2.8 พันลบ. การขายหุ้น SF จะเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) อนุมัติข้อตกลงดังกล่าวในวันที่ 27 ส.ค. เมื่ออิงจากแบบแสดงรายการ (filing) พบว่า MAJOR จะใช้เงินที่ได้มาไปกับการชำระหนี้สิน 5.3 พันลบ. ส่วนหนึ่งจะนำไปขยายกจิการ 265 ลบ. และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 2.2 พันลบ.


CFO ของบริษัทฯ พยายามที่จะบรรเทาความกังวลของตลาดในประเด็นการสูญเสยี ส่วนแบ่งกำไรจาก SF ที่คิดเป็นมูลค่ารวาๆ 105-165 ลบ./ปีในช่วงปี2559-62 และ603 ลบ. ในปี 2563 (แผนภาพ 2) โดยทาง CFO ระบุว่าส่วนแบ่งกำไรที่พุ่งสูงนึ้ เป็นผลมาจากการใชม้ าตรการบัญชีแบบ IAS40 ที่บริษัทฯ จะต้องนับรวมรายการที่ไม่มีการดำเนินงานเข้ามา เช่น การปรับมลู ค่าสินทรัพย์ทั้งนี้เราจัดประเภทกำไรจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์เป็นรายการพิเศษ นอกจากนี้ CFO ไดร้ะบุเพิ่มเติมว่าข้อเสนอที่จะใช้เงินสดที่ได้มาไปกับการชำระหนี้จะช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายลงได้ 150 ลบ./ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยชดเชยการสูญเสียส่วนแบ่งกำไรจาก SF ได้


ขณะที่ CEO ระบุว่าข้อเสนอในการใช้เงิน ในส่วนที่เหลือกำลังอยุ่ระหว่างการพิจารณา เช่นนำไปขยายธุรกิจ จ่ายเงินปันผล หรือ ลงทุนใหม่ๆ ทั้งนี้ CEO แสดงความรู้สึกผิดหวังกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่มีความมั่นใจว่าสถานการณ์จะปรับดีขึ้นเพราะมีอุปสงค์ที่สะสมจากช่วงก่อน (pent-up demand) ส าหรับการชมภาพยนตร์รออยู่ ทั้งยังมีภาพยนตร์ทำเงินจำนวนมากที่รอเข้าฉายตลอดทั้งปีนี้


ระหว่างการประชุม CEO กล่าวเป็นนัยเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจขายคอนเทนต์ใหม่และโครงการใหม่บนแพลตฟอร์ม OTT เพื่อร่วมผลิตคอนเทนต์ในประเทศ โดยรายได้การขายคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม OTT เช่น Netflix ในปีก่อนรวมแล้วอยู่ที่เพียง 8 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทาง CEO เชื่อว่าการแข่งขันบนแพลตฟอรม์ OTT ในไทยจะช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองของ MAJOR ขึ้น และช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายรายได้การขายคอนเทนต์ของตนที่ 2.5-3 ล้านดอลลาร์ฯ ได้ หรือคิดเป็น upside 5-6% ต่อกำไร


เรายังคงคำแนะน า “ซื้อ” MAJOR ด้วยราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 26.15 บาท ทั้งนี้ เรายังไม่รวมผลกระทบทางการเงินจากการขายหุ้น SF เข้ามาร่วมคำนวณ ส่วนปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้นคือ 1) รายได้ภาพยนตร์ทำเงินที่ดีกว่าคาด เช่น Fast & Furious 9 2) ประเทศสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วกว่าคาด 3) pent-up demand ในการชมภาพยนตร์ที่มากกว่าคาด และ 4) กระแสรายได้ใหม่จากการขายคอนเทนต์ในประเทศบนแพลตฟอร์ม OTT


ด้วยเงินที่อาจได้รับจากการขายเงินลงทุนจำนวน 7 พันลบ. หรือ 7.89 บาท/หุ้น หมายความว่าราคาหุ้นปัจจุบัน (21.3 บาท) สะท้อนถึงมูลค่าธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่เพียง 13.4 บาท หรืออยู่ในระดับที่ไม่แพงด้วย PER 9.84 เท่า สำหรับปี2565


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X