ทันหุ้น - TWPC เดินหน้าทุ่มงบ 400 ล้านบาท รีโนเวทย์-อัพกำลังผลิต-ลุยธุรกิจใหม่ ปูทางโกยเงินระยะยาว ส่วนดีลลงทุนไบโอพลาสติก คาดชัดเจน Q3นี้ พร้อมส่งซิก Q2/2564 ฟอร์มแจ๋ว ออเดอร์ทะลักอื้อ ตอกย้ำปีนี้รายได้ทะยานไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมได้ผลดีบาทอ่อนหนุน ยกการ์ดสูงเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย หวังสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

นางสาวรตินันทน์ วงศ์วัชรานนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและพัฒนาความยั่งยืน บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) TWPC เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนปี 2564 ไว้ราว 400 ล้านบาท รองรับการพัฒนาธุรกิจในส่วนต่างๆ แบ่งเป็น การปรับปรุง (รีโนเวทย์) เครื่องจักรเดิมประมาณ 100-150 ล้านบาท, ลงทุนเพิ่มกำลังผลิต 50 ล้านบาท, ลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปเฟส 2 อีกราว 40 ล้านบาท, ลงทุนในธุรกิจใหม่คือ โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพ (ไบโอพลาสติก) 100 ล้านบาท ฯลฯ หวังเสริมศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น

แววQ2แจ่ม

โดยในส่วนของโครงการผลิตสินค้าประเภท "ไบโอพลาสติก" ซึ่งเป็นผลผลิตต่อยอดจากพืชผลทางการเกษตร และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% สามารถนำไปใช้ในรูปแบบประเภทสินค้าภาชนะ และของใช้ในการเกษตรทั่วไป ซึ่งคาดได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/2564 และน่าจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

ขณะที่แนวโน้มผลงานในไตรมาส 2/2564 คาดจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะได้รับผลบวกจากสถานการณ์ราคาแป้งข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ลูกค้าหันมาใช้แป้งมันสำปะหลังแทน ส่งผลให้

ความต้องการแป้งมันสำปะหลังเพิ่งขึ้น รวมถึงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ส่งผลให้ธุรกิจอาหารยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 3 ในประเทศไทยนี้นั้นไม่ได้กระทบกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าประเภทอาหารและส่วนประกอบในอาหารขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ขณะที่สินค้าแป้งมันสำปะหลังของบริษัทส่วนใหญ่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน และไต้หวันนั้นมีแนวโน้มดีขึ้นด้วย

ปีนี้ขอโตไม่ต่ำกว่า10%

อย่างไรก็ดี ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักหรือไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ราว 7.18 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์ในส่วนต่างๆ ขยายตัวอย่างชัดเจน ประกอบกับธุรกิจมีการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้ทิศทางคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เติบโตต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 31.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 8 มิถุนายน 2564) บริษัทมองว่าน่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ เพราะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากการส่งออกขยายตัว จากปัจจุบันที่บริษัทมีรายได้จากการส่งออกอยู่ราว 90%

เข้มงวดความปลอดภัย

นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญในด้านการผลิตอาหารปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุด เริ่มตั้งแต่การบริหารจัดการสถานที่ กระบวนการผลิต และบุคลากรตามมาตรการร่วม และมาตรฐานด้านสุขอนามัย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคในการซื้อสินค้าที่มีมาตรฐานปลอดภัยจากโรคโควิด -19 และเมื่อสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันจัดทำ มาตรฐาน IPHA ขึ้นมา TWPC โดยโรงงานวุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่บางเลน จังหวัดนครปฐม จึงได้เป็นสถานประกอบการในกลุ่มโรงงานวุ้นเส้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย "IPHA" หรือ Industrial and Production Hygiene Administration ตอกย้ำความมั่นใจด้านความปลอดภัยในมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และเป็นโรงงานวุ้นเส้นภายใต้แบรนด์มังกรคู่ หงษ์ กิเลนคู่ และโรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่ได้รับการรับรองเป็นแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย