> SET > EPG

28 พฤษภาคม 2021 เวลา 10:34 น.

EPG โชว์งบปี 63/64 กำไรสุทธิโต 22% เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.19 บ./หุ้น

ทันหุ้น - รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG  เปิดเผยว่าปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย.63 - 31 มี.ค.64) นับเป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตของประชาชน ภาครัฐในหลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจและออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น เช่น การนำนโยบายลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือ นโยบาย “USE” มาใช้บริหารงานภายในองค์กร (“USE” U: Utilization ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า/ S:Save ประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกด้าน) และมีการรักษาสภาพคล่องและสถานะทางการเงิน มีการทบทวนแผนการลงทุน รวมถึงมีการใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการบรรเทาผลกระทบที่ได้จากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด


สำหรับผลการดำเนินงานปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย.63 - 31 มี.ค.64) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,569.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 10,217.4 ล้านบาท จำนวน 648.2 ล้านบาท หรือ ปรับตัวลดลง 6.3% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.2% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีกำไรสุทธิ 1,221.2 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 999.3 ล้านบาท จำนวน 221.9 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.2% โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 46.7% AEROFLEX 27.5% และ EPP 25.8% เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้


ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขายรวม 2,626 ล้านบาท หรือลดลง 12.8% จากปีก่อน ยอดขายในประเทศยังเติบโตช้าตามการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากภาคเอกชนยังคงชะลอการลงทุน อีกทั้ง เกิดความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ยอดขายตลาดในสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้นเทียบกับปีก่อน ส่วนยอดขายในเอเชียทยอยฟื้นตัว


ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขายรวม 4,471.4 ล้านบาท หรือลดลง 5.4% จากปีก่อน ยอดขายกลุ่มบริษัทแอร์โรคลาส ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19มากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 63) ส่งผลให้กลุ่มลูกค้า OEM ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในประเทศประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค. ถึง พ.ค. 63 อีกทั้ง กลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการซื้อลดลง รวมถึงความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้น กลุ่มบริษัทแอร์โรคลาส สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับกับความต้องการยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศทำให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในปีบัญชีก่อนหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน


สำหรับธุรกิจในประเทศออสเตรเลียมียอดขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนออสเตรเลียนิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น อีกทั้งเริ่มเห็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างมากจากการบริหารจัดการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย และสร้างเสริม Synergy ระหว่างธุรกิจ


ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขายรวม 2,471.9 ล้านบาท หรือลดลง 0.3% จากปีก่อน แม้ว่าบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด จะได้รับผลกระทบจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศลดลง จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19แต่อย่างไรก็ตามบริษัทได้รับประโยชน์จากยอดขายของบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal) ที่นิยมสั่งอาหารแบบจัดส่งถึงที่ (Delivery) หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น อีกทั้งได้รับประโยชน์จากมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ


ในปีบัญชีนี้บริษัทมีรายได้อื่นที่ 158.5 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทย่อยตั้งอยู่ ภายใต้โครงการสนับสนุนการจ้างงานของกิจการ (Jobs Keeper Program)ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19


บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 9.1% จากปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และการบริหารจัดการให้ต้นทุนในการผลิตลดลง มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 6% จากปีก่อน ซึ่งบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 92.6 ล้านบาท ลดลง 27%เนื่องจากบริษัทได้รับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ในไตรมาสแรกของปีบัญชี 63/64  (1 เม.ย. - 30 มิ.ย.63) จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าฟื้นตัวต่อเนื่องภายในปีบัญชีจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น


รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 64เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท (สิบเก้าสตางค์) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 532 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 64 ในวันที่ 23 ก.ค. 64 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 4 ส.ค. 64และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 20 ส.ค. 64


“ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.63 บริษัท ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท หากรวมกับการปันผลในครั้งนี้อีก 0.19 บาทต่อหุ้น จะทำให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.28 บาทต่อหุ้น” รศ.ดร.เฉลียว กล่าว



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X