> SET > TNR

21 พฤษภาคม 2021 เวลา 13:21 น.

TNR เล็งปั้นโปรดักส์กันชง เพิ่มช่องทางขายต่างประเทศ

ทันหุ้น - TNR ศึกษาโปรดักส์เฮลแคร์ที่มีส่วนผสมกันชง อัพฐานโกยเงิน คาดชัดเจนช่วงปลายปีนี้ พร้อมลุยขยายฐานสิ้นค้าแบรนด์ตัวเองในต่างแดนเต็มพิกัด เปิดช่องรับทรัพย์ แถมจ่อตั้งตัวแทนขายแบรนด์ "playboy" ในรัสเซียเพิ่ม เชื่อสรุปได้เร็วๆ นี้ ยิ้มรับเงินบาทอ่อนหนุนรายได้ส่งออกพุ่ง บิ๊ก "อมร" ส่งซิกครึ่งหลังปี 2564 แจ่ม รับไฮซีซัน-วัคซีนโควิดหนุน แถมอวดกำไร Q1/2564 โต 536%


นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการพัฒนาโปรดักส์เฮลแคร์ที่มีส่วนผสมของเมล็ด "กันชง" ซึ่งรูปแบบจะเป็นในลักษณะการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาสินค้าดังกล่าว เพื่อขยายช่องทางสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น คาดชัดเจนช่วงปลายปีนี้


ขณะที่ปัจจุบันธุรกิจหลักของ TNR ในส่วนการผลิตถุงยางอนามัยและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นมีรายได้จากการส่งออกไปยังต่างประเทศ 90% ผลิตและจำหน่ายในไทย 10% ซึ่งจำแนกตามลักษณะเป็นกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) อยู่ที่ราว60%, กลุ่มธุรกิจงานประมูล (TENDER) อยู่ที่ราว 20% และที่เหลือมาจากธุรกิจสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท (OBM) อาทิ แบรนด์ " one touch" และ" Playboy"


รุกอัพฐาน OBM

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทยังมุ่งให้ความสำคัญกับการขยายฐานในส่วนของ OBM ให้มากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (TENDER) โดยในส่วนของต่างประเทศนั้นล่าสุดบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อTNR USA INC. เพื่อทำตลาดสินค้าแบรนด์" Playboy" ในประเทศข้างต้นเพิ่มเติม  มองประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ จึงเป็นโอกาสสร้างยอดขายในอนาคตต่อไป


"ที่ผ่านมาเราได้มีการนำสินค้าไปจำหน่ายในห้างวอลล์มาร์ทแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาหาพาร์ทเนอร์เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนในรัสเซียเพิ่มเติม คาดได้ความชัดเจนเร็วๆ รวมถึงการจัดตั้งตัวแทนในประเทศอื่นๆ แถบยุโรปเพิ่ม ซึ่งหากทุกอย่างสำเร็จคาดน่าจะได้เห็นสัดส่วนรายได้ของ OBM เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปีก่อนที่ราว 18%"


ส้มหล่นรับบาทอ่อน

ส่วนทิศทางผลงานครึ่งหลังปี 2564 บริษัทประเมินน่าจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งแรกปีนี้ เพราะธุรกิจมีการขยายช่องทางขายเพิ่มเติม และเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลขายของบริษัท ประกอบกับมองว่าน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากวัคซีนโควิด- 19 ที่เริ่มทยอยฉีดมากขึ้นปลายปีนี้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้น


ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี2563 ที่ราว 1.55 พันล้านบาท หลังธุรกิจมีแนวทางทำตลาด OBM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายช่องทางไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม

นายอมร กล่าวเสริมว่า ในแง่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 19 พฤษภาคม 2564) บริษัทมองถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ เพราะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากขึ้น


อนึ่ง งบการเงินในไตรมาส 1/2564 (ตามงบการเงินรวม) สามารถทำกำไรสุทธิทั้งสิ้น 70 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ11 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตราว 536% โดยมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 434 ล้านบาท เติบโต20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย และบริการ363 ล้านบาท

โดยการเติบโตดังกล่าวเกิดจากยอดขายสินค้าถุงยางอนามัยจากกลุ่มธุรกิจสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ(OBM) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต(OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล(TENDER)

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X