> SET > OSP

18 พฤษภาคม 2021 เวลา 15:17 น.

OSP โตต่อหลังกำไรนิวไฮ มรสุมเมียนมากระทบเบา

ทันหุ้น – OSP คาดยอดขายไตรมาส 2/2564 พุ่ง จากอานิสงส์อากาศร้อนจัด ล่าสุดจับมือกับพันธมิตร ยันฮี ขยายตลาดเครื่องดื่มกัญชง ด้านธุรกิจในเมียนมา กระทบเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังเติบโตได้ ส่วนรายได้รวมปี 2564 เชื่อยังโตสองหลัก


นางพรธิดา บุญสา กรรมการบริหาร และกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 ถือว่าเป็นช่วงที่อากาศในประเทศร้อน ทำให้บริษัทมียอดขายที่เติบโตดีขึ้น อย่างไรก็ตามผลประกอบการทั้งปี 2564 ค่อนข้างคาดการณ์ได้ยาก เพราะต้องรอประเมินสถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศจะมีทิศทางอย่างไรในระยะถัดไป แต่บริษัทคาดว่าน่าจะเติบโตได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (yoy) ด้วยตัวเลขสองหลัก เเละ


สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 18% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ 14% ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้ในประเทศ


Q2เน้นขยายฐานลูกค้า

ด้านแผนงานในไตรมาส 2/2564 บริษัทยังมุ่งเน้น การขยายฐานลูกค้าใหม่ เน้นการตลาดที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพและอยู่บ้านมากขึ้นรวมถึงสร้างความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ เพื่อผลักดันการเติบโตในอนาคต โดยจับมือกับพันธมิตรอย่าง ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ เพื่อขยายตลาดเครื่องดื่มวิตามิน ตอบโจทย์กระแสการดูแลใส่ใจสุขภาพ และร่วมลงทุนพัฒนาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสมุนไพร รวมถึงสารสกัดจากกัญชา กัญชง (CBD)  โดยรอความชัดเจนจากทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. )


นอกจากนี้ บริษัทมีการเปิดรับจ้างผลิต(OEM) มาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งในอนาคตมีโอกาสผลิตให้ทั้ง กลุ่มโรงพยาบาลยันฮี หรือบริษัทอื่นๆ หากมีความสนใจ ปัจจุบัน เครื่องดื่มบำรุงกำลังยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 54.9% โดยมี M-150 เป็นเบอร์ 1 ในตลาดรวม


ขณะที่แบรนด์โสมอินซัมซึ่งมีสินค้าใหม่ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ก็สามารถสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างดี สำหรับเครื่องดื่มในกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงก์นั้น แบรนด์ "ซีวิท" ยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดและการเติบโตได้ดี จากการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น ผลักดันให้มีส่วนแบ่งการตลาด 34.9%


มั่นใจตลาดเมียนมาโต

สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ทั้งเรื่องการเมือง และโควิด-19 บริษัทมีการเตรียมตัว และปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และจากกรณีรัฐบาลเมียนมา ประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งสินค้าของบริษัทในประเทศเมียนมาจะมี 2 แบรนด์ใหญ่ ได้แก่ Shark เป็นแบรนด์อันดับ 1 ซึ่งผลิตที่ประเทศเมียนมา จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้า และ M150 ถึงแม้ว่าจะผลิตในประเทศไทยแต่ได้รับผลกระทบเล็กน้อย เนื่องจากสินค้าได้ส่งไปทางเรือ โดยจะเห็นได้จากช่วงไตรมาสแรก บริษัทยังมีผลการดำเนินงานที่เติบโตได้เป็นอย่างดี


Q1กำไรนิวสวนโควิด

อย่างไรก็ดีจากในช่วงไตรมาสที่ 1/2564 แม้ธุรกิจยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ด้วยการบริหารธุรกิจที่ยืดหยุ่น สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันเหตุการณ์ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรับมือกับปัจจัยลบที่เกิดขึ้นได้ดี ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ทำนิวไฮที่ 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ 6,776 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 1.3%

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X