ทันหุ้น - RATCH แย้ม Q2/2564 ฟอร์มสวย อานิสงส์เก็บเกี่ยวค่าเต็มพิกัด-โครงการใหม่หนุน บอสใหญ่ "กิจจา ศรีพัฑฒางกุระ" เดินหน้าทุ่มงบ 1.5 หมื่นล้านบาท ลุยพัฒนาโรงไฟฟ้า-ขยายฐานธุรกิจใหม่ ปูทางหนุนธุรกิจโตต่อเนื่อง แจงกรณีเข้าลงทุนใน BAFS ไม่ฉุดธุรกิจ ระบุประเมินความเสี่ยงไว้แล้ว แถมวางหมากปี 2568มาร์เก็ตแค็บพุ่งแตะ 2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่กว่า 1 แสนล้านบาท

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานในไตรมาส 2/2564 น่าจะดีขึ้นต่อเนื่องตามที่วางไว้ เพราะธุรกิจไม่ได้มีการปิดซ่อมโครงการโรงไฟฟ้าดังเช่นในไตรมาส 1/2564 ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้จากกำลังผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้น ประกอบกับยังมีอาจจะมีปัจจัยบวกจากโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

ลุยอัพฐานเต็มสูบ

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วประมาณ 6,600 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาคิดเป็นกำลังผลิตรวม805.07 เมกะวัตต์ นอกเหนือ จากการเข้าลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งโรงไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในอนาคตเพิ่มเติม

โดยงบลงทุนปี 2564 บริษัทตั้งไว้ราว 1.5หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในรูปแบบ M&A โรงไฟฟ้าเพิ่มเติมและธุรกิจใหม่ๆ อาทิ สาธารณูปโภค ฯลฯ อยู่ที่ 7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 8 พันล้านบาท ใช้รองรับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเดิมต่างๆ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี ระยอง กำลังผลิต 92เมกะวัตต์ (บริษัทถือหุ้น 49% หรือเท่ากับ 45.08 เมกะวัตต์ (MW)) คาด COD ได้ปี 2565,

โรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาด COD ได้กรกฎาคม 2565, โรงไฟฟ้า REN โคราช กำลังผลิต 40 เมกะวัตต์ (บริษัทถือหุ้น 40% หรือเท่ากับ 16 MW) คาด COD ได้ช่วงมกราคม 2566, โรงไฟฟ้าหินกอง ราชบุรี กำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ (บริษัทถือหุ้น 51% หรือเท่ากับ 714เมกะวัตต์) คาด COD ได้ช่วงปี 2567-2568 เพื่อสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

"ไม่เพียงเท่านั้นปัจจุบันเราอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าควบรวมกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าหลายแห่งในประเทศ ซึ่งหากทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่าจะได้เห็นความชัดเจนบางส่วนในไตรมาส 2/2564 น่าจะเป็นอีกแรงสนับสนุนธุรกิจในอนาคต" นายกิจจากล่าว

ส่วนในปีนี้ บริษัทยังให้น้ำหนักการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการประเภทเชื้อเพลิงหลักในต่างประเทศ กำลังผลิตรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ และโครงการประเภทพลังงานทดแทนในต่างประเทศ อีกไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ส่วนการลงทุนในประเทศ บริษัทได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน รวมกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต เพื่อเสริมสร้างฐานธุรกิจของบริษัทให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ลงทุนBAFSไม่กระทบ

ส่วนการลงทุนในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS โดยการซื้อหุ้น 15.53%นั้นมองไม่น่ามีผลกระทบต่อธุรกิจ แม้ภาพการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว เพราะบริษัทประเมินไว้ก่อนการลงทุนแล้วว่าบรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้นในปี 2565 ไม่ใช่ปีนี้

อย่างไรก็ดี หากแผนงานต่างๆ เป็นไปตามที่วางไว้ ทาง RATCH คาดน่าจะเป็นอีกแรงสนับสนุนให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของบริษัท (มาร์เก็ตแค็ป) ขยับขึ้นไปแตะ 2 แสนล้านบาทได้ในปี 2568 จากปัจจุบันที่กว่า 1 แสนล้านบาท รวมทั้งจากการขยายการลงทุนทางด้านระบบสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่องคงจะได้เห็นตัวเลขสัดส่วนรายได้จากในส่วนนี้ขยับเพิ่มเป็น 20% จากเดิมที่ 5% ในปีเดียวกันด้วย