ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1560 จุดลงไปตามการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในต่างประเทศจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อาจทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1510 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ดำเนินโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ามันเบนซินไร้สารตะกั่วเกรดพิเศษและเกรดธรรมดา น้ามันดีเซลหมุนเร็ว น้ามันเชื้อเพลิงอากาศยาน และน้ามันเตา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีซึ่งใช้เป็นผลิตภัณฑ์ตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ได้แก่ โพรพิลีนเกรดโพลิเมอร์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว แนฟทาเกรดปิโตรเคมี ก๊าซผสม C4 และรีฟอร์เมท
ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 64 มีกำไรสุทธิ 2,005 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.46 บาท พลิกกลับมากำไร เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 63 ที่มีขาดทุนสุทธิ 8,272 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.91 บาท
นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานปี 64 จะเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากปี 63 มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันค่อนข้างมาก หลังจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงจาก 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงไตรมาสแรกของปี ทำให้โรงกลั่นทั่วโลกขาดทุนสต็อกน้ำมัน ประกอบกับยังได้รับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย
ขณะที่ในปี 64 ราคาน้ำมันดิบได้ฟื้นตัวขึ้น จากสิ้นปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ณ สิ้นไตรมาส 1/64 ส่งผลให้บริษัทกลับมามีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ประมาณ 66 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ราคาน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อบริษัทให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันได้
นอกจากนั้น ยังคาดว่าค่าการกลั่นการตลาด (GRM) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะไม่ต่ำกว่าไตรมาส 1/64 ที่อยู่ในระดับ 3.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5-6 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจะมาจากทางสหรัฐและจีน หลังจากทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจมีผลกระทบจากอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ เนื่องด้วยประเทศดังกล่าวยังประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันในฝั่งของผู้ผลิต หรือซัพพลาย คาดว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต 2.4 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมาจากโอเปกพลัส ซึ่งน่าจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าดีมานด์และซัพพลายค่อนข้างจะสมดุลกัน ทำให้คาดว่าในปี 65 จะสามารถกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้
ด้านการลงทุนในปีนี้ บริษัทวางงบลงทุนไว้ไม่เกิน 34 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับปรุงโรงกลั่น (Refinery upgrade), การจัดการสภาพแวดล้อม และอื่นๆ อีกทั้งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Oil&Gas เพื่อขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ เป็นต้น
SPRC มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 9.59 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 10.90 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 7.80 บาท
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในระยะสั้นที่บริเวณ 9.80 หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 8.50 และ 8.00 แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 10.00 ขึ้นไปได้ จะมแนวต้านถัดไปที่ 11.00
สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม