13 พฤษภาคม 2021 เวลา 08:58 น.
ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ปิดที่ระดับ 1571.85 จุด (-7.08 จุด) แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Bullish harami รอดูรอบเช้า หากสามารถขึ้นผ่านแนวต้าน 1577 จุดได้ จะเป็นสัญญาณการเข้าสู่รอบการฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น ถือต่อ จนกว่าจะหลุด 1530 จุด
ไม่มีหุ้น รอเก็งกำไรซื้อกลับเมื่อดัชนีอ่อนตัวเข้าหาแนวรับ 1565 / 1550 จุด
ประเมินแนวรับ 1565/1550 แนวต้าน 1577/1596
**บล.เคทีบีเอสที ประเมินตลาดหุ้นไทย ถูกกระทบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่กังวลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ การติดเชื้อ Covid-19 ของไทยกระทบเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น กลยุทธ์ ตลาดยังไม่มีสัญญาณบวกเข้ามา ตลาดช่วงสั้นๆ ยังลบต่อ แนะชะลอการลงทุน รอการวกกลับของดัชนีฯ
ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่รายงานเมื่อคืนที่ผ่านมา (12) เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่ม 0.8% MoM (คาด 0.2%) เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ถึง 0.9% MoM เงินเฟ้อที่สูงเกินคาด ทำให้ดัชนีฯตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อ (Dow Jones Index -681 จุด หรือ -1.99%) ด้าน Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นจาก 1.62% เป็น 1.70% สะท้อนว่านักลงทุนคาดว่า Fed อาจลด QE หรือขึ้นดอกเบี้ย เร็วกว่าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 และ ปี 2023 ตามลำดับ นี่คือตัวแปรหลักๆ ของตลาดที่มีผลมาตั้งแต่วันจันทร์(10) คาดตลาดจะเริ่มนิ่งขึ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่ราคาสินทรัพย์ ทั้งหุ้นและพันธบัตร ทั่วโลก จะยังไม่ดีขึ้นในทันที จนกว่าจะมีความชัดเจนของนโยบาย Fed (อาจต้องรอถึงการประชุม FOMC เดือนหน้า)
สถานการณ์ Covid-19 ในเอเซีย ที่ยังแรง มีผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ด้วย ตามที่เราแสดงความเห็นวันก่อนว่าเราปรับมุมมองในทางลบต่อตลาด จากจำนวนสะสมและคนที่ยังรักษาตัวที่ยังสูง (2.9 หมื่นคน) และยังต้องจับตานโยบายการฉีดวัคซีน แบบ Walk-in ที่จะเริ่มเดือนหน้า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะกระทบต่อหุ้นบางกลุ่มเช่น สถาบันการเงิน กำไร 1Q ทยอยรายงาน ล่าสุดกำไร SET รายงานมาแล้ว 1.43 แสนลบ. +81% YoY ; +41% QoQ และ ดีกว่าตลาดคาด 24% กำไรออกมาดี แต่เริ่มเห็นมีการปรับลดคำแนะนำลง (คาดมาจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก วันสุดท้ายของการส่งงบ 17 พ.ค. Event ที่สำคัญๆ DELTA ขึ้น Trading Alert 13 พ.ค.-2 มิ.ย. (การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น ทุกๆ 1% มีผลต่อดัชนีฯราว 0.46 จุด)
#Strategy
ตลาดยังไม่มีสัญญาณบวกเข้ามา ทำให้ทิศทางตลาดช่วงสั้นๆยังลบต่อ กลยุทธ์วันนี้ ภาพรวมๆ แนะชะลอการลงทุน หุ้นที่ราคาขึ้นมามากๆ อาจถูกขายทำกำไร (เพื่อชดเชยกับการขาดทุนในหุ้นตัวอื่น) จังหวะการเข้าซื้อหุ้น ควรรอให้ดัชนีฯวกตัวกลับมาก่อน (แนวรับสำคัญ 1550 จุด)
พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น CRC*, EA* ออก นำ AJ*, GFPT เข้ามาแทน และ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน NER หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AJ*(15%), GFPT(15%), NER(15%), MAKRO*(15%), CHAYO(10%), SAT(25%)
#Strategy top picks
AJ: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 28.00 บาท) “ลุ้นกำไรไตรมาส 1 Turn Around ตาม Demand BO Film ที่เพิ่มขึ้น รับ New Normal”
•ลุ้นกำไร 1Q21 Turn Around รับ Demand ที่เพิ่มขึ้นตามต้องการใช้ฟิลม์อ่อนในอุตสาหกรรมอาหารพุ่งสูงบนกระแส New normal (Food Hygiene)
•นอกจาก Volume การขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ราคาขายเฉลี่ยก็สามารถปรับขึ้นได้ตามราคาวัตถุดิบหลัก (เม็ดพลาสติก PP) ที่เพิ่มขึ้น โดยการรับ Order ส่วนใหญ่จะทำล่วงหน้าไม่เกิน 1 เดือน สำหรับปี 2021 บริษัทยังได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับปีก่อน
•จับตาดูบริษัท JV ที่เวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายฟิล์ม (BO Film) ที่ร่วมจัดตั้งกับทาง SCG (55%:45%) AJ:SCG (SCG กำลังเตรียมเข้าตลาดด้วย) ที่เวียดนาม คาดจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ใน 2H22 และจะช่วยเพิ่มรายได้จากการขายในอนาคตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยกำลังการผลิตของโรงงานดังกล่าว (AJ ลงทุน 700 ลบ.)
Technical : TQM, AGE
**บล.คิงส์ฟอร์ด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,550 +/- หากยืนได้แนะนำถือพอร์ต โดยระยะสั้นดัชนีผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศและอยู่ระหว่างรอวัคซีนล็อตใหญ่ใน มิ.ย. แนะนำซื้อช่วงดัชนี่อ่อนตัว เช่น PTTGC, IRPC, STA, TVO ( Global Play กำไรฟื้นตัวดีตามเศรษฐกิจโลก )
แนะนำ PTTGC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 75.00 บาท) PTTGC รายงานผลประกอบการงวด 1Q64 มีกำไรสุทธิ 9.7 พันล้านบาท ฟื้นตัวโดดเด่น +51%QoQ และพลิกกำไร YoY หากไม่นับกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและ Hedging กำไรปกติจะอยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท เติบโต +111%QoQ, +677%Yoy ปัจจัยหนุนหลักๆ จากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องปรับตัวขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจโรงกลั่นทยอยฟื้นตัวตามความต้องการใช้น้ำมัน ส่วนธุรกิจอะโรมาติกส์และฟีนอลปรับดีขึ้นจากความต้องการใช้ของผู้ผลิตปลายน้ำ อัตราการใช้กำลังการผลิตทำได้เต็มที่มากขึ้นเนื่องจากไม่มีการซ่อมบำรุงโรงงานตามแผน ส่วนแนวโน้มกำไร 2Q64 ยังสดใสต่อเนื่องจากราคา HDPE, PP ที่ยืนในระดับสูง มีกำไรพิเศษจากการขายสัดส่วนเงินลงทุนใน GPSC ถูกบันทึกเข้ามา 9.9 พันล้านบาท เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 64-65 ขึ้น 93% เป็น 3.1 หมื่นล้านบาท (ยังไม่รวมกำไรพิเศษจาก GPSC) คงมุมมองบวกจาก Earning Momentum ของกำไรสุทธิที่จะเร่งตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 (หุ้นพลังงานและปิโตรในกลุ่ม PTT ตัวอื่น กำไรสุทธิงวด 2Q64 ลดลง QoQ จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง)
แนะนำ STA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 54.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิ Q1/64 ที่ 5,958.5 ลบ. +597.6%YoY, +8.4%QoQ เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ Covid-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศจากธุรกิจถุงมือยางยังคงได้รับอานิสงค์ต่อเนื่องจาก Demand ถุงมือยางทั่วโลกสูงขึ้น (มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าถึงปี 2566) โดยทางบ.เองมีการตั้งเป้าการผลิตมือยางที่ 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2565 และ 80,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี2567 ขณะที่ตัวธุรกิจหลักยังมีปัจจัยบวกจากระดับราคายางที่ ปัจจุบัน ยังทรงตัวได้ในระดับสูงหลังปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วง 4Q/63 ทั้งในส่วนของ TSR20(ยางแท่ง) และ RSS3 จากความต้องการในการบริโภคที่พื้นตัวอย่างมากชองกลุ่มผู้ผลิตยางล้อ ตลาดคาด ปี64 อยู่ที่ระดับ 18,257 ลบ. ( +91.55%YoY)
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม