06 พฤษภาคม 2021 เวลา 09:17 น.
ทันหุ้น - กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี แม้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมากจากการระบาด COVID-19 รอบ 3 เนื่องจาก กนง. มองว่าโจทย์สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทย คือ การจัดหาและการกระจายวัคซีนให้เพียงพอและทันการณ์
· กนง. ประเมินว่ามาตรการสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะช่วยลดภาระทางการเงินได้ตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำแล้ว
· ภาวะการเงินไทยผ่อนคลายลงในบางมิติ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ปรับตัวลดลงตามการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่าลงเทียบกับคู่ค้าคู่แข่ง แต่การกระจายตัวของสภาพคล่องยังไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะในกลุ่ม SME จากความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น
· EIC คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดปี 2021 และจะให้ความสำคัญมากกว่ากับการเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายการเงินเพื่อกระจายสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ, เน้นสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ และอาจขยายระยะเวลาของการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ออกไปอีกได้
Key points
กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี และประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมากจากการระบาดระลอกที่ 3 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 5 พฤษภาคม 2021 กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี โดยคณะกรรมการมองว่า โจทย์สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทยคือ การจัดหาและการกระจายวัคซีนให้เพียงพอและทันการณ์ ส่วนมาตรการด้านการเงินที่สำคัญคือ การกระจายสภาพคล่องไปยังธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะช่วยลดภาระทางการเงินได้ตรงจุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดไว้
จากการประเมินของ ธปท. พบว่า หากภาครัฐสามารถจัดหาและกระจายวัคซีนเพิ่มเติมได้ตามเป้าหมายที่ 100 ล้านโดส ในปี 2021 จะส่งผลให้ GDP ไทย ขยายตัวได้ 2% ในปี 2021 และ 4.7% ในปี 2022 (ยังไม่รวมมาตรการภาครัฐที่อาจออกมาเพิ่มเติม) แต่ในกรณีเลวร้าย หากภาครัฐจัดหาและกระจายวัคซีนได้ช้ากว่าแผนเดิม จะส่งผลให้ GDP ไทยขยายตัวเพียง 1% ในปี 2021 และ 1.1% ในปี 2022
กนง. ประเมินว่า สภาพคล่องโดยรวมอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ แต่การกระจายตัวของสภาพคล่องยังไม่ทั่วถึงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น จึงต้องติดตามให้การขยายตัวของสินเชื่อทั่วถึงมากขึ้น
หลังมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูมีผลบังคับใช้ ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทยปรับลดลงจากช่วงก่อนหน้า สำหรับเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้น เคลื่อนไหวอ่อนค่ากว่าเงินสกุลภูมิภาค คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการของตลาดการเงินโลกและไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง
กนง. ระบุว่าความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่ โดยควรเร่งมาตรการจัดหาและกระจายวัคซีนเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดยืดเยื้อ มาตรการทางการคลังควรรักษาความต่อเนื่องของแรงกระตุ้นทางการคลังและลดผลกระทบของการระบาด รวมทั้งสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป นโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่ออกมาเพิ่มเติมควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุด ลดภาระหนี้ และสนับสนุนการฟื้นฟูของเศรษฐกิจในอนาคต ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดย ธปท. จะติดตามความคืบหน้าและประเมินประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่ออย่างใกล้ชิด
กนง. ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน นอกจากนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ สถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ การกระจายและประสิทธิผลของวัคซีน ความเพียงพอของมาตรการด้านการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ออกมาแล้ว โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น
Implications
EIC คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อเนื่องตลอดปี 2021 และจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินมาตรการเพื่อกระจายสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ โดย กนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับนี้ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรค COVID-19 ซึ่ง EIC มองว่า โอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจาก
· การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยลดต้นทุนทางการเงินบ้าง แต่ไม่ได้มีบทบาทในการกระจายสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่มีความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk) สูง ดังนั้น ปัญหาสำคัญเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจึงยังคงอยู่
· ดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเข้าใกล้ศูนย์อาจนำไปสู่การสะสมความเปราะบางของภาคการเงินจากพฤติกรรม Search for yields ที่ทำให้มีการประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนต่ำเกินไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ออมที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจทางการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมอีกด้วย
ดังนั้น EIC ประเมินว่า ธปท. จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบธุรกิจ และมาตรการ asset warehousing (หรือมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้") ที่ได้ดำเนินไป รวมทั้งอาจมีการขยายมาตรการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ออกไป ทั้งนี้ล่าสุด ธปท. ได้มีการปรับเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อ Soft loan ครั้งก่อนเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบและมีความยืดหยุ่นในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ธปท. อาจขยายระยะเวลาของการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ออกไปอีกได้ จากเดิมที่ประกาศว่าจะลดอัตรานำส่งมาอยู่ที่ 0.23% เป็นระยะเวลา 2 ปี (นับจากวันประกาศมาตรการเมื่อเดือนเมษายน 2020)
ภาวะการเงินไทยผ่อนคลายลงในบางมิติ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตามการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.78% ปรับลดลง 19 bps นับจากต้นเดือนเมษายน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.59% ปรับลดลง 14 bps ในช่วงเวลาเดียวกัน (รูปที่ 1)
แม้เงินดอลลาร์สหรัฐจะโน้มอ่อนลง แต่เงินบาทกลับอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาคจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุล และสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้น โดยปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ 31.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากต้นปี 4% ซึ่งเป็นการอ่อนค่าที่มากกว่าค่าเงินของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เงินบาทยังคงทรงตัวแม้ว่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ จะอ่อนค่าลง -2.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน (รูปที่ 2) โดยปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่ามีดังนี้
ท่านผู้นำเสนอบทวิเคราะห์
วชิรวัฒน์ บานชื่น, นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส, Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
พงศกร ศรีสกาวกุล, นักวิเคราะห์, Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ณิชนันท์ โลกวิทูล, นักวิเคราะห์, Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม