ทันหุ้น - RS มองความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพขยายตัวต่อเนื่อง ดันยอดขายพุ่ง ติดเครื่องเจรจาคู่ค้ากัญชง-กัญชา โชว์ความพร้อมการเดินธุรกิจนี้ เล็งวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไม่น้อยกว่า 8 รายการ หนุนรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี อัดงบกว่า 1.8 พันล้านบาท รองรับการ M&A ธุรกิจใหม่ 2-3 ดีล คาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ทยอยได้ข้อสรุป

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการลงทุนขยายไลน์ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัญชง-กัญชานั้น ปัจจุบันมีความพร้อมอย่างมาก โดยที่ผ่านมาได้เจรจากับคู่ค้าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ผู้ปลูก โรงสกัด และผู้ผลิตสินค้าแล้ว และได้กำหนดสินค้าสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมายไว้ชัดเจน รวมถึงวางแผนการตลาดรองรับไว้พร้อมหมด ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงรอประกาศจาก อย. ก็จะสามารถเดินหน้าธุรกิจได้ตามแผนทันที โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ S.O.M ในช่วงกลางปี 2564

*กัญชงปั้มยอด2พันล.

จากนั้นจะเปิดตัวสินค้า กัญชง-กัญชา ภายใต้แบรนด์อื่นๆ ตามมาตลอดทั้งปี เบื้องต้นบริษัทวางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา เพื่อวางจำหน่ายในปีนี้ไม่น้อยกว่า 8 รายการ ทั้งในส่วนของอาหารเสริมและเครื่องดื่ม เป็นต้น ภายใต้แบรนด์ S.O.M., well u และ CAMU C ซึ่งช่องทางการจำหน่ายจะวางใน RS Mall และช่องทางอื่นๆ เบื้องต้นคาดว่าเฉพาะผลิตภัณฑ์จากกัญชง-กัญชาทั้งหมดของบริษัทจะสร้างรายได้พิเศษเพิ่มมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาในการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งตามแผนงานนั้นบริษัทจะขยายธุรกิจอย่างน้อย 2-3 ดีล เพื่อต่อยอดและขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป โดยตั้งงบไว้ที่ประมาณ 900-1,800 ล้านบาท หรือใช้ราว 300-600 ล้านบาทต่อดีล หลังจากในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ที่ทางอาร์เอส ได้มีการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จำนวน 35% มูลค่า 920ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” ซึ่งก็มองว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในปี 2564ให้มีการเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน

"ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะยังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งเดือนมกราคมและเมษายน อาจมีผลให้กำลังซื้อชะลอตัวลง แต่เชื่อว่าด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้คนหันมาให้ความสนใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ดังนั้นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพยังมีความต้องการและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง "ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าว

**กำไรสุทธิQ1ที่138ล.

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมายที่ 31.00 บาท โดยคาดกำไรไตรมาส 1/2564ขยายตัวจากไตรมาสก่อน ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 ที่ 138 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อน กำไรที่ขยายตัว จากไตรมาสก่อน หนุนโดย 1) รายได้รวมทรงตัว จากไตรมาสก่อน จากรายได้ commerce ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยรายมีการเติบโตทุกช่องทาง และรายได้ music & other ขยายตัว 78% จากไตรมาสก่อน เข้ามาช่วยชดเชยรายได้ media ที่ปรับตัวลดลง -8%จากไตรมาสก่อนหน้า จากเม็ดเงินโฆษณาทีวีที่ปรับตัวลดลงจาก low season

และ 2) GPM ทรงตัว จากไตรมาสก่อนหน้า ด้านกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ส่งผลจากรายได้ media ปรับตัวลดลง –28% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จาก licensing ที่ปรับตัวลดลงเป็น 50 ล้านบาท (ไตรมาส 1/63 = 90ล้านบาท) ซึ่งรายได้ส่วนนี้ลง bottom line เป็นส่วนใหญ่ และจาก GPM ปรับตัวลดลงจาก GPM ของ media ปรับตัวลดลงจาก licensing ที่ลดลง

แม้แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 จะมีสัดส่วนที่ 18% ของประมาณการทางฝ่าย แต่เชื่อมั่นว่าจะเห็นการเร่งตัวของกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป จากรายได้ commerce ที่เติบโตต่อเนื่องหนุนโดยสินค้าใหม่ที่เริ่ม launch ในไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป อีกทั้ง media เริ่มฟื้นตัวเนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ระลอก 3 คลี่คลาย ประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้น ดังนั้น ทางฝ่ายคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 803ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน