ทันหุ้น - CHG พร้อมตั้งการ์ดสู้โควิด มองศักยภาพเตียงที่มียังเพียงพอรองรับการให้บริการ ด้านกูรู มองผลงานไตรมาส 1/64 เติบโตดีกว่าปีก่อน คาดกำไรไตรมาสแรกปีนี้แตะ 228 ล้านบาท

แพทย์หญิงชุติมา ปิ่นเจริญ กรรมการบริหาร บริษัทโรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกใหม่นั้นยังคงมีความเสี่ยง เพราะแพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ยากต่อการคาดเดาสถานการณ์

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนเชิงรุกสอดรับกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ระรอกใหม่ และยังคงมีการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19ทั้งจากผู้ป่วยที่เข้ามาจากมาตรการของทางรัฐบาลเป็นกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ของภาครัฐแต่ต้องการตรวจหาเชื้อ

*ตั้งการ์ดสู่โควิด

รวมถึงบริษัทยังเปิดให้บริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19อีกด้วย เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งทางโรงพยาบาลมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือต่างๆ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ในปัจจุบันอัตราการใช้พื้นที่เตียง (Utilization rate) ยังคงมีเหลือเพียงพอในการรองรับการให้บริการดังกล่าวอยู่ โดยในการตวรไวรัสโควิดนั้นหากว่าผลออกมาเป็นบวกในขั้นรุนแรงทางโรงพยาบาลมีเตียงรองรับการให้บริการมากกว่า 200เตียง และหารไม่เพียงพอก็พร้อมจะจัดหามาเพิ่มเติมอีกกว่า 100เตียง เป็น 300เตียง

โดยในตอนนี้มีการใช้พื้นที่เตียงที่เกือบเต็ม 100%ส่วนหารตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแล้วพบว่าเป็นบวกแต่ไม่รุนแรงทางโรงพยาบาลจะส่งไปยัง Hospitelเพื่อดูแลรักษาต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมที่ทำข้อตกลงร่วมด้วย 3 แห่ง มีจำนวนเตียงให้บริการมากถึง 1,400-1,500 เตียง จากเมื่อต้นปีที่มีการบันทึกข้อตกลงร่วมโรงแรมเพียง 2 แห่ง มีจำนวนเตียงที่ราว 700-800 เตียง

กรณีที่ภาครัฐไฟเขียวให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19กว่า 10 ล้านโดสนั้น มองว่าเป็นผลบวกต่อโรงพยาบาลเอกชนและประชาชน เพื่อช่วยกระจายการรับวัคซีนต้านได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนนั้นทุกคนมีความพร้อมอย่างมาก แต่จากนี้คงต้องจบตารอดูกันต่อไป เพราะกระบวนการทางกฎหมายอนุญาตินำเข้านั้นยังไม่สิ้นสุดยังคงมีอีกหลายขั้นตอน 

ซึ่งในส่วน CHG มีแผนที่จะนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อยู่แล้ว ที่ผ่านมามีการยื่นใบอนุญาติกับทางภาครัฐ รวมถึงมีการเจรจากับทางผู้ผลิตในต่างประเทศ และตัวแทนจำหน่ายในไทยอยู่ต่อเนื่อง หากเมื่อภาครัฐมีความชัดเจนแล้ว CHG ก็พร้อมสรุปในการนำเข้าวัคซีนเช่นกัน มองว่าจุดนี้จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทได้

Q1กำไร288ล.

บริษัทหลักทรักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรไคีมาส 1/2564 ไว้ที่ 228ล้านบาท เติบโต 22.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ลดลง 9.9%จากไตรมาสก่อนหน้า ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น 8.8%เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่หดตัวลง 5.1%จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสาเหตุที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากลูกค้าเงินสดลดลง แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้สปส.ตามจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นอยู่ราว 4.6แสนราย เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

และรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 เช่น ASQ คาด 50 ล้านบาท นอกจากนี้ จำนวนเคสตรวจมากกว่า 2หมื่นราย และรายได้รับจ้างบริหาร รพ.ที่พัทยา 2แห่ง คาดรับรู้ 50 ล้านบาท สำหรับ รพ.ใหม่เหลือขาดทุน 1แห่ง คือ “CHG 304” เทียบ GPM อยู่ที่ 31.8% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2563ที่ 29.3% แต่ลดลงจากไตรมาส 4/2563ที่ 33.8% และยังคุม SG&A ได้ดี จากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ทางฝ่ายยังคงประมาณการทั้งปีแนวโน้มไตรมาส 2/2564คาดปรับตัวดีขึ้นมากกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากฐานต่ำในปีก่อน แต่ย่อตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

แม้ว่าจำนวนเคสตรวจการติดเชื้อไวรัสโควิด-19ปัจจุบันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 หมื่นราย และมีรายได้จากการรักษาผู้ติดเชื้อ และการเพิ่มการให้บริการ Hospitel ในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนการรับรู้รายได้เพิ่มจากคนไข้ศูนย์หัวใจ รพ.สิรินธร (ลาดกระบัง) แต่มองว่านั้นยังคงไม่สามารถชดเชยรายได้ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเงินสดที่ลดลงได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ” โดยประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 3.30 บาท