> SET > MTC

30 เมษายน 2021 เวลา 10:03 น.

'เคจีไอ' ส่อง MTC แนะขาย คาดกำไร Q1 ถูกกดดันทั้ง yield-มาร์จิ้น

ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์  บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สินเชื่อขยายตัวถึง +4% QoQ และ +18% YoY แต่ไม่ได้ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจาก yield และ margin ลดลง ในขณะเดียวกัน บริษัทตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 120bps (จากเป้าของ MTC ที่ 80-120bps) ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิจะทรงตัว QoQ, +10% YoY จากการคุมต้นทุนในการดำเนินงาน คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q64F จะคิดเป็นประมาณ 23% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา และเพราะถูกกดดันจากทั้ง yield และมาร์จิ้น ในขณะที่ credit cost ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงยังคงคำแนะนำขาย โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 69 บาท (P/E ที่ 20x)


**ประมาณการ 1Q64: margin ถูกกดดันจาก credit cost ที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ ผลตอบแทนสินเชื่อ (yield)  และ มาร์จิ้น (margin) กดดันผลประกอบการ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำของ JV ของคู่แข่ง (GSB &SAWAD) ที่ 18% MTC จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ (80% ของสินเชื่อรวม) ลงเหลือ 18% ในขณะที่ยังคง yield ของสินเชื่อปลอดหลักประกันเอาไว้ในระดับสูงที่ประมาณ 20-24% ซึ่งจะกดดันให้ yield สินเชื่อลดลงประมาณ 30-40bps QoQ และ 50-60bps YoY ใน 1Q64 ในขณะที่การรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ไม่ได้ทำฉุดให้ต้นทุนทางการเงินลดลงมากนักเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีสูงขึ้น


NPL และ ต้นทุนสำรองฯ (credit cost) เพิ่มขึ้น บริษัท non-bank ทุกแห่งได้ประโยชน์จากนโยบายของ ธปท. ที่ผ่อนคลายเกณฑ์การจัดชั้นหนี้มีปัญหาให้ยังนับเป็นหนี้ที่ก่อรายได้อยู่ และทำให้บริษัทนอนแบงก์ทุกแห่งตั้งสำรองหนี้เสีย (credit cost) ลดลง แต่เมื่อการผ่อนคลายนโยบายสิ้นสุดลงใน 4Q63 ลูกหนี้บางส่วนไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ทำให้บริษัท non-bank ต้องกำหนด credit cost ตามจริง MTLS ตั้งเป้า credit cost ปีนี้เอาไว้ที่ 80-120bps (จาก 40bps ในปี 2563) ในขณะที่ SINGER และ SAWAD ไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ เราคาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% QoQ และ credit cost จะอยู่ที่ขอบบนของเป้าบริษัท 


NPL และ credit cost เพิ่มขึ้น เนื่องจาก นโยบายผ่อนคลายเกณฑ์ในการจัดชั้นหนี้มีปัญหาให้นับเป็นสินเชื่อที่ยังก่อรายได้ของ ธปท. สิ้นสุดลงใน 4Q63 ทำให้บริษัทต้องจัดชั้นหนี้มีปัญหาเป็น NPL และกำหนด credit cost ตามเกณฑ์ปกติซึ่งสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ตามความเป็นจริง เราคาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้น 20% QoQ และ 22% YoY ทำให้สัดส่วน NPL ratio เป็น 1.25%  (จาก 1.06% 4Q20) ทำให้คชจ.สำรองฯ/สินเชื่อเพิ่ม 120bps (จาก 65bps ใน 4Q63 หรือประมาณ 40bps ในปี 2563)      


คาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q64 จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (flat QoQ, +10% YoY) ประมาณการของเราอิงจากสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ 4.5% QoQ และ 18% YoY, margin ลดลง 30bps QoQ และ 40bps YoY, credit cost เพิ่มขึ้น 55bps QoQ และ 80bps YoY, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง โดยสัดส่วนต้นทุน/รายได้ (C/I) อยู่ที่ 40%  (จาก 41% ใน 4Q63 และ 42% ใน 1Q63) เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q64F จะคิดเป็นประมาณ 23% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา  และเพราะถูกกดดันจากทั้ง yield &margin pressure ในขณะที่ credit cost ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราจึงยังคงคำแนะนำขาย โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 69 บาท (P/E ที่ 20x) 


Risks : มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดมา

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X