ทันหุ้น –SPALI มองความต้องการซื้อที่พักอาศัยแนวราบยังมีมาก ระบุมีโครงการรอขายกว่า 5-6 พันล้านบาท เล็งเปิดเพิ่มอีก 8 โครงการใหม่ ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ด้านนักวิเคราะห์ส่องกำไรไตรมาส 1/2564 ไม่ต่ำกว่า 853 ล้านบาท จ่อบุ๊คส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ที่ออสเตรเลีย 200 ล้านบาท ชูพื้นฐาน 25 บาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้าง เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถ Walk-in เข้ามาดูโครงการได้ ทำให้ยอดการเยี่ยมชมโครงการในปรับตัวลดลงไปถึงกว่า 10% แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นในระยะสั้นๆ เท่านั้น และคาดว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นการกลับมาของกลุ่มลูกค้าจะเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

*สินค้าพร้อมขายแน่น

โดยมองว่าความต้องการซื้อที่พักอาศัยโดยเฉพาะแนวราบยังคงมีอยู่อีกมากเพียงแต่สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ลูกค้าต้องชะลอการตัดสินใจ ซึ่งวิกฤตโรคระบาดทำให้ลูกค้ามีความต้องการอยู่ในที่พักอาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมขาย (Inventory) อยู่ในมือเฉพาะโครงการแนวราบ มูลค่ามากกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท เชื่อว่ายังมีเพียงพอรองรับความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งในปีนี้บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกปีนี้เปิดไปแล้ว 4 โครงการ และคาดว่าในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จะเปิดตัวเพิ่มอีก 8 โครงการ

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 ประเมินว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หากตัดเรื่องการเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ออก ส่วนแผนการดำเนินงานจากนี้คงมุ่งเน้นในการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ และการระบาย Inventory ให้เหมาะสมมากกว่า ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่นั้น ในปัจจุบันยังคงเป็นไปตามเดิมและยังไม่มีการเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่แต่อย่างใด

*จ่อบุ๊กส่วนแบ่งกำไรตปท.

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” SPALI และราคาเป้าหมาย 25.00 บาท เพราะมีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยในไตรมาส 1/2564 ยอดขายทำได้ดีที่ 7.2 พันล้านบาท เติบโต 26% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 83% จากไตรมาสก่อน ส่วนกำไรจะอยู่ที่ 853 ล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หดตัวลง 54% จากไตรมาสก่อน) เนื่องจากยอดโอนยังทำได้ช้าราว 3.6 พันล้านบาท ที่ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 54% จากไตรมาสก่อน) คิดเป็น 10% จากเป้าโอนทั้งปี

ขณะที่กำไรยังเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนได้ เพราะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ที่ออสเตรเลียเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท โต 227% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 928% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ทางฝ่ายยังประเมินกำไรสุทธิปี 2564 กลับมาเติบโตโดดเด่นที่ 5.9 พันล้านบาท โต 39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้คิดเป็น 14% จากกำไรทั้งปี และกำไรไตรมาสแรกปีนี้จะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว

และคาดว่าจะทยอยดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จุดแข็งจาก Backlog ที่รองรับรายได้ปีนี้แล้วสูงถึง 80% ซึ่งในช่วงไตรมาส 2-3/2564 จะมีคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน 3 โครงการ และคอนโดใหม่ที่มี GPM สูง ทำให้ประเมินว่า GPM ปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 40.0% จากปีก่อนที่ 38.1%

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1