ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงหลุดแนวรับที่ 1560 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1585-1590 จุด ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1500-1510 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ STARK หรือ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยเป็นผู้ประกอบกิจการรายใหญ่ในการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมามากกว่า 50 ปี นอกจากธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล STARK ยังมีบริษัทย่อยที่ประกอบกิจการให้บริการด้านทรัพยากรบุคคล
ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 1,608 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.14 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.01 บาท
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์คคอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ายังสามารถรักษาการเต้บโตของผลงานในปี 64 ได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท หรือมาอยู่ที่ 1.9-2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายก็จะเป็นรายได้ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยรายได้หลักของบริษัทในรปีนี้ยังมาจากธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไฟฟ้า
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 9 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องในปีนี้เกือบทั้งหมด และบริษัทจะยังคงเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่เพื่อเพิ่ม Backlog มารองรับรายได้ในอนาคต
ขณะที่กลยุทธ์สำคัญในการดำเนินงานปีนี้จะเน้นการขายสินค้าที่มีความสามารถทำกำไรสูง เช่น กลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลาง-ระดับสูงพิเศษที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ของรัฐและเอกชนพร้อมกับควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนในเวียดนามจากการเข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีโอกาสขยายตลาดในต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ เพราะมองว่ายังมีความต้องการใช้สายไฟและเคเบิ้ลคุณภาพสูงเป็นจำนวนมาก และเป็นโอกาสของบริษัทที่จะหาลูกค้ารายใหม่ๆ ที่หันมาเลือกสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการที่ใช้ฐานการผลิตในเวียดนามทดแทนผู้ประกอบการรายใหญ่ในจีนที่ถูกกีดกันด้วยกำแพงภาษี
พร้อมกันนั้นและบริษัทยังมองหาลูกค้าในภูมิภาคอื่นๆเพิ่มเติม โดยวางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศในปี 64 จากสิ้นปีก่อนที่ส่งออกไป 40 ประเทศ ซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 10-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8%
บริษัทจะยังคงเดินหน้าใช้กำลังการผลิตในประเทศเวียดนามให้มากขึ้น ซึ่งวางแผนผลักดันอัตรากำลังการผลิตในเวียดนามเพิ่มเป็น 45-50% และจะเพิ่มเป็น 70-75% ภายใน 3-4 ปี เพื่อทำให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 13-14% จากปีนี้ที่ 10-12% ส่วนโรงงานในประเทศไทย 3 แห่ง ได้แก่ บางพลี ระยอง และอ้อมน้อยปัจจุบันได้ใช้กำลังการผลิตเต็มแล้ว 100%
STARK มีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ 4.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วน Price/Book Value Ratio ประมาณ 14.51 เท่า และมีอัตราส่วน P/E Ratio อยู่ที่ 33.16 เท่า
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.76 และ 5.00 แต่มีแนวรับสำคัญที่ 4.30 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายหุ้นออกไปก่อน
สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม