> SET >

29 มีนาคม 2021 เวลา 13:42 น.

Sขยายไลน์ลงทุนโรงไฟฟ้า ต่อจิ๊กซอว์ดันรายได้2หมื่นล.

ทันหุ้น - S แตกไลน์ลงทุนธุรกิจไฟฟ้าและความร้อนร่วม 3 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ หวังต่อจิ๊กซอว์ดันธุรกิจโตระยะยาว ดีเดย์ชงผู้ถือหุ้นไฟเขียวช่วง 23 เมษายนนี้ บอสหญิง"ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์" ปักเป้าปี2566 รายได้ทะยานแตะ 2 หมื่นล้านบาท รับธุรกิจเดิมโต-ธุรกิจใหม่หนุน

นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเข้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของ S หลังล่าสุดบริษัทได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 30% ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Co-generation power plant) ขนาดใหญ่ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกัน 400 เมกะวัตต์ โดยเป็นสิทธิ์ซื้อที่ราคาพาร์ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น1,392 ล้านบาท เพื่อขยายช่องทางสร้างรายรับในอนาคต

แตกไลน์ลุยพลังงาน

ธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งที่ทาง S จะเข้าไปถือหุ้นนั้นแบ่งเป็น โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วม ของบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง ขนาดกำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ (เปิดผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว), ส่วนอีก 2 แห่งกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 280 เมกะวัตต์นั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างคือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ กำหนด COD ปี 2566

โดยบริษัทจะนำเรื่องแผนลงทุนธุรกิจไฟฟ้าข้างต้นเสนอต่อที่ประชุมสามัญประจำปีในวันที่ 23 เมษายน 2564 และหากทุกอย่างลุล่วงจะเร่งดำเนินการลงทุนต่อไป

ต่อจิ๊กซอว์ดันธุรกิจโต

“ในช่วงที่ผ่านทาง Sได้ประกาศว่า ปี 2564 จะเป็นปีที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่เฟสต่อไปของการพัฒนาธุรกิจของสิงห์ เอสเตท โดยการเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่จะมาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับ 3 กลุ่มธุรกิจที่เป็นแกนหลักแต่เดิม ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม โดยที่เราจะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังกันของ 4 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท มาเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและมั่นคงในระยะยาว” นายจุตินันท์กล่าว

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับสิทธิ์ในการเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจไฟฟ้าที่ S ได้รับถือว่าน่าสนใจยิ่งนัก เพราะธุรกิจไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าล่วงหน้าแล้วถึง 270 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตรวมทั้งหมด และถือเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาวและสนับสนุนเติบโตของบริษัทในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

"การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจทั้งหมด ด้วยการเข้ามาส่งเสริมซึ่งกันและกัน กับธุรกิจต่างๆ ของสิงห์ เอสเตท(Synergy benefits) ซึ่งธนาคารจะให้เงินกู้กับทางเราเพื่อมาลงทุนในโครงการนี้ในช่วงแรกก่อน แล้วเราจึงค่อยลงทุนเองในภายหลัง และในจำนวนที่ไม่มาก โดยบริษัทคาดการณ์ว่าโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง จะสร้างรายได้ราว 7,500 ล้านบาทในปี 2567"

ขณะที่จากข้อมูลของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ล่าสุดมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ(D/E) อยู่ที่0.96 เท่า และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีก25,000 ล้านบาท

ปี66 ได้ชน2หมื่นล.

อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้าภายใน 3 ปีนับจากนี้ (ปี 2564-2566) แนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจจะใหญ่ขึ้นสามเท่าตัว และคงจะมีรายได้ขยับเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาทต่อปีด้วย



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่

APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5

FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X