ทันหุ้น - PRM วางเป้าหมายรายได้รวมปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ขับเคลื่อนทั้งผลการดำเนินธุรกิจเดิม-การลงทุนในไทยออยล์มารีน วางงบลงทุน 2,000 ล้านบาท ซื้อเรือ FSU 1 ลำ และต่อเรือเล็กเพิ่ม 3-6 ลำ พร้อมคาด M&A ไทยออยล์มารีน คาดแล้วเสร็จไตรมาส 2/2564และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ในไตรมาส 3/2564

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่าปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2563 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,071.37 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,533.06 ล้านบาท โดยปัจจัยขับเคลื่อนมาจาก 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การเติบโตจากธุรกิจเดิม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว (ธุรกิจเรือขนส่ง) ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

ในปี 2564 บริษัทมีแผนลงทุนต่อเรือขนาดเล็กเพิ่มเติม ราว 3-6 ลำ คาดว่าจะทยอยรับเรือได้ในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า โดยเรือลำใหม่จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริการของบริษัทได้มากขึ้น อีกทั้งเพื่อเข้ามาทดแทนเรือเก่าที่มีอายุมากที่บริษัทแผนจะขายออกไปด้วย นอกจากนี้บริษัทมีแผนซื้อเรือ FSU จำนวน 1 ลำ โดยปีนี้บริษัทวางงบประมาณรองรับการลงทุนไว้ที่ราว 2,000 ล้านบาท  ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนเรือ VLCC เพิ่มเติมอีก โดยอยู่ระหว่างดูดีมานด์ว่ามีเข้ามามากขนาดไหน

ขยายกองเรือแกร่ง

ขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (FSU) ในปี 2564 มองว่ายังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง  โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะลงทุนเรือเพิ่มอีก จำนวน 1 ลำ ทั้งนี้หากทาง บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการเรือกักเก็บน้ำมัน FSU อยู่ในขณะนี้ โดยจะหมดสัญญาลงในเดือนเมษายน 2564 ไม่ได้ต่อสัญญา บริษัทก็มีแผนขายเรือดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อมุ่งเน้นการซื้อเรือใหม่ให้กับลูกค้ารายใหม่ และบริษัทยังมีความสนใจในการขยายการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุน LNG

ปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมดประมาณ 40 ลำ แบ่งออกเป็นเรือขนส่งรองรับการเดินทางในประเทศไทยขนาดเล็ก จำนวน 30 ลำ, เรือขนส่งขนาดใหญ่รองรับการเดินทางระหว่างประเทศ จำนวน 1 ลำ, เรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) จำนวน 8 ลำ, เรือขนส่งและสนับสนุนปฏิบัติการทางทะเล (Offshore Support Vessel : Offshore) อีก 1 ลำ ซึ่งในปี 2564 บริษัทเตรียมให้บริการลูกค้ารายใหม่ เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดีสัดส่วนรายได้ของ PRM ในปัจจุบันนั้นมากกว่า 50% มาจากต่างประเทศ

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564มองว่าจะมีการเติบโตที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2564 เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ยังไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของดีมานด์และซัพพลายที่ชัดเจน โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบิน (JET A-1) แต่บริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการปรับการใช้งานโดยนำเรือไปขนส่งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิลแทน เพื่อทำให้เรือมีการใช้งานอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุดนิ่ง

TMปั๊มรายได้Q3/64

ส่วนความคืบหน้ากระบวนการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทไทยออยล์มารีน จำกัด (TM) ในกลุ่ม บมจ.ไทยออยล์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564และคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป โดยจากการลงทุนข้างต้นจะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการจากความร่วมมือทางธุรกิจ (Synergy) ระหว่าง PRM กับกลุ่มไทยออยล์

พร้อมกันนี้ บริษัทจะรับเรือของไทยออยล์มารีน จำนวน 18 ลำ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศจำนวน 5 ลำ และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งเพื่อให้การสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (กลุ่มธุรกิจ Offshore) อีก 13 ลำ รวมถึงจะให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศด้วยเรือ VLCC อีกจำนวน 3 ลำ โดยมีแผนส่งมอบช่วงกลางปี 2564 จำนวน 1 ลำ ปลายปี 1 ลำ ส่วน 1 ลำ คาดว่าจะรับมอบในช่วงกลางปี 2565ด้วยสัญญาระยะยาว

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1