> SET >

26 มีนาคม 2021 เวลา 09:22 น.

เปิดมุมมอง 4 โบรกส่องกลยุทธ์ลงทุนวันนี้

ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index  ปิดที่ระดับ 1571.04 จุด (+0.21 จุด) ประเมินทิศทางโดยรวมยังให้น้ำหนักเป็นเชิงบวก โดยระยะสั้นอาจมีการย่อตัว Pullback เกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ดีมองเป็นการ “ย่อเพื่อขึ้นต่อ” 


กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น  ถือต่อ จนกว่าดัชนีจะอ่อนตัวหลุด 1555 จุด รอทยอยขายทำกำไรที่แนวต้าน 1582/1600 จุด

ไม่มีหุ้น  หาจังหวะเข้าซื้อในช่วงดัชนีย่อตัว ตามระดับแนวรับ 1571/1555 จุด


ประเมินแนวรับ 1563/1555  แนวต้าน 1580/1600


**บล.เคจีไอ ประเมิน SET Index วันศุกร์เทรดไซด์เวย์/บวกกรอบแคบ หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในภาคเช้าแต่ยืนระยะไม่ได้ดีนัก ตามการปรับฐานของตลาดหุ้นหลักๆ ในเอเชียในภาคบ่าย ดึงให้จิตวิทยาการลงทุนของตลาดหุ้นไทยอ่อนลงเช่นกัน ส่วนในวันนี้ ภาพรวมปัจจัยต่างประเทศเป็นกลาง สถานการณ์ในยุโรปเป็นลบต่อเนื่อง แต่ภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ภาคธนาคารสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์ฯ แข็งค่าต่อ น่าจะยังกดดันฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น


ปัจจัยต่างประเทศ - เป็นกลาง: i) ฮอลแลนด์เป็นประเทศล่าสุดในยูโรโซน ที่ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ไปถึงช่วงปลายเดือน เม.ย. ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจยุโรปมากขึ้น ส่วนนอกยุโรปนั้น อินเดียประกาศเพิ่มพื้นที่ล็อกดาวน์เช่นกัน ด้านราคาน้ำมันดิบตอบสนองเชิงลบต่อข่าวประเทศต่างๆ ในยุโรปทยอยล็อกดาวน์ ii) แต่ข่าวสารในฝั่งสหรัฐฯ ยังคงเป็นบวก เมื่อวานนี้ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศอนุญาตให้ ธ.พาณิชย์สหรัฐฯ กลับมาจ่ายเงินปันผลตามปกติ และสามารถทำการซื้อหุ้นคืนได้ ตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป (โดยต้องผ่านการ stress test จากเฟดก่อน) นอกจากนี้ประเด็นการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ เป็นบวกมากขึ้นเช่นกัน ปธน. โจ ไบเดน ยกระดับเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ถึง 200 ล้านโดสภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง 


ปัจจัยในประเทศ - เป็นบวกเล็กน้อย: เมื่อวานนี้ ก.พาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออก ก.พ. ลดลง 2.59% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่ consensus คาด แต่หากตัดมูลค่าการส่งออกทองคำ น้ำมัน และยุทธภัณฑ์ออกไป มูลค่าส่งออกจะเพิ่มขึ้น 2.87% YoY... ส่วนในสัปดาห์หน้า ปัจจัยในประเทศที่น่าติดตามได้แก่ i) ชุดตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. ที่จะรายงานในวันที่ 31 มี.ค. ii) ข่าวสารเกี่ยวกับแผนการเร่งเปิดประเทศ และการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา 


หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน แนะเก็งกำไร EA*, CPALL*

EA* (เป้า Consensus 66.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 60.5 บาท / แนวต้าน ?64 บาท (Stop loss 58 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากแผนที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายผลักดันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย 100% ภายในปี 2578 (ปรับเป้าใหม่เร็วขึ้น จากเดิมปี 2583) และจะสนับสนุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อรองรับ (คาดเคาะสิทธิประโยชน์ทางภาษีเดือน พ.ค.นี้) 3) ประเมินผลการดำเนินงานปีนี้ ได้แรงหนุนจากรถบัสอีวี (ผลิตโดย บ.ลูก NEX) ที่จะเริ่มส่งมอบภายในกลางปีนี้ (คาดส่งมอบให้กับรถร่วมบริการก่อน เนื่องจากการเปลี่ยนรถ ขสมก ยังล่าช้า) ... นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร NEX แนวรับ 5.0 บาท / แนวต้าน 5.7 - 6.0 บาท (Stop loss 4.9 บาท)


CPALL* (เป้าพื้นฐาน 84 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 67 บาท / แนวต้าน 68.5 บาท หาก Breakout ผ่านได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป ?72 บาท (Stop loss 66 บาท) 2) เราประเมินผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวจาก i) ตามภาวะเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐฯ (บวกทางอ้อมต่อ CPALL*) ii) การเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวใน 2H64 และ iii) คาด Same store sales growth ฟื้นตัวทั้งจากปริมาณขาย และราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (ผลจากเงินเฟ้อ)


**บล.เคทีบีเอสที คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มีความนิ่งมากขึ้น อาจมีความกังวล Covid-19 เข้ามาบ้างแต่แลกกับการฉีดวัคซีนที่มากขึ้น ไทยเตรียมเปิดภูเก็ตให้ต่างชาติและกระตุ้นลงทุน กลยุทธ์ เรามองตลาดดีขึ้น ข่าวบวกมีมากขึ้น โดยเฉพาะไทยที่พร้อมจะเปิดประเทศ นักลงทุนอาจเพิ่มน้ำหนักหุ้นใหญ่ แต่ยังเก็งกำไรหุ้นเล็กได้เหมือนเดิม


นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 และ Fed จะผ่อนปรนให้ธนาคารจ่ายเงินปันผลได้ หลัง 30 มิ.ย.นี้  ขณะที่ความกังวลต่อทิศทางพันธบัตร ลดลงเป็นวันที่ 3 แล้ว (Bond Yield 10 ปี ปิดไปที่ 1.6226%) การประมูลพันธบัตร 7 ปี ได้รับความสนใจน้อยกว่า อายุ 2 และ 5 ปีที่ประมูลไปก่อนหน้านี้ แต่นักลงทุนไม่ได้มองไปในทางลบมากนัก นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่กำลังจะเป็นบวกกับตลาดหุ้นทั่วโลก  คาดนักลงทุนต่างประเทศ น่าจะจะกลับมาซื้อหุ้นในตลาดเอเซีย ในสัปดาห์หน้า หลังขายติดต่อกันมา 5 วัน (ข้อมูล 6 ประเทศ)  ราคาน้ำมันดิบ Brent $62 เหรียญ ยังถูกกดันจาก Covid-19 ที่ระบาดในยุโรป ยังมีผลกระทบต่อหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ในช่วงนี้ 


ด้านของไทย วันนี้ จะมีการประชุมเพื่อเปิดให้ภูเก็ตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และแผนกระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย  เช่นเดียวกับวันก่อน รัฐบาลจะออกแรงกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม ห้างฯ โรงแรม(CENTEL) การบิน(AAV) โรงพยาบาล(EKH)  และนิคมฯ(WHA, AMATA)  Event อื่นๆ ในวันนี้ World Bank จะมีการสัมมนา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  Asia Pacific และ รายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ


#Strategy

มองตลาดหุ้นไทยดีขึ้น จากข่าวบวกมีมากขึ้น โดยเฉพาะไทยที่พร้อมจะเปิดประเทศ  กลยุทธ์ วันนี้ แม้จะเป็นวันศุกร์ที่ตลาดมักจะไม่คึกคัก แต่แนวโน้มตลาดที่ดีขึ้น นักลงทุนอาจใช้เป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้นใหญ่ อาทิ KBANK, CRC, PTT, LH แต่ยังเก็งกำไรหุ้นเล็กได้เหมือนเดิม พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น IP*, SCGP ออก และนำหุ้น SABUY, PRIME เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SABUY(15%), PRIME(15%), BEM(10%), LH*(15%), SAWAD(10%), RBF(15%), CRC(15%)


#Strategy top picks

SABUY: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.50 บาท) “คาดรายได้ปี 2021 โตจากการเพิ่มจำนวนตู้ขายของอัตโนมัติและอี-วอลเล็ท”

•บริษัทตั้งเป้าขยายตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่ 1.2 หมื่น ตู้เติบโตจากปี 2020 กว่า 2 เท่าตัว ขณะเดียวกันการจับมือกับทรูมันนี่และธุรกิจ อี-วอลเล็ทต่างๆ เป็นการเปิดประตูสู่การสร้าง Ecosystem ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายและเป็นการเปิดรับช่องทางการหารายได้ในอนาคตได้อีกมาก

•KTBST ประเมินกำไรสุทธิ ปี 2021-2022 ที่ 144 ลบ และ 199 ลบ. เติบโตต่อเนื่อง +42%YoY, +37YoY ตามลำดับ


Technical : PTL, BPP


**บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,560-1,580 จุด โดยระยะสั้นกลุ่มพลังงานคาดยังถูกกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ร่วงต่ำกว่า US$60 ต่อบาร์เรลอีกครั้ง นอกจากนี้เราคาดว่าประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะเริ่มมีบทบาทและทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของไบเดนที่แข็งกว่าที่ตลาดเคยประเมิน 


ประกอบกับดัชนีหุ้นทั่วโลกที่ปรับสูงขึ้นจากความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจที่ฟื้นและการกลับมาทยอยเปิดประเทศใน 2H21 หลังใช้วัคซีน COVID-19 แพร่หลายทำให้ Valuation ค่อนข้างตึงตัว โดยเริ่มเห็นการเกิด Sector Rotation เข้าหากลุ่มที่ยัง Laggard เราจึงยังแนะนำให้รอจังหวะพักฐานของดัชนีลงหาแนวรับบริเวณ 1,560 และ 1,530 จุด เป็นจังหวะเข้า “เก็งกำไร” โดยยังชอบกลุ่ม Value และ Cyclical Play ซึ่งเติบโตล้อไปกับการพื้นตัวของเศรษฐกิจ 


กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Cyclical Play และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก//เข้าเก็งกำไรตามแนวรับบริเวณ 1,560 และ 1,530

หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : BEM, DOHOME, KKP, PTTEP, TVO


หุ้นเด่นวันนี้:IIG

• แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 31 บาท

• เรามองบวกต่อธุรกิจ ERP ที่กลับมาเติบโต ขณะที่ธุรกิจ CRM ยังคงเป็น Star เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจ CEM และ Data Analytic ศักยภาพโตสูง 

• ประมาณการกำไรปี 2021-2023 ขึ้นเป็นเติบโตเฉลี่ย 31% CAGR ทำให้เรา Rerate Target PER ขึ้นจาก 30 เท่าเป็น 35 เท่า สะท้อนการเติบโตที่สูงขึ้น


Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคตามคาดอีก US$853 ล้าน โดยยังกระจุกตัวที่เกาหลีใต้และไต้หวัน US$153 ล้านและ US$641 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ตลาด TIP มีเม็ดเงินไหลออกนำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$22 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผันผวนและค่อนไปในทางไหลออกจาก Dollar Index ที่ยังแข็งค่ากดดัน Emerging Market


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X