ทันหุ้น – LALIN ลุยเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่า 6-7 พันล้านบาท วางเป้าโกยยอดขาย 7 พันล้านบาท เผย 2 เดือนแรกมียอดขายแล้วกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ายอดโอนแตะ 6 พันล้านบาท ชูฐานะทางการเงินแกร่ง D/E เพียง 0.67 เท่า เงินสดกว่า 1 พันล้านบาท และวงเงินกู้อีก 2 พันล้านบาท พร้อมกางแผน 3-5 ปี เติบโตระดับ 10-15%

นายเสรี สินธุอัสว์ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผุ้จักการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการที่เจาะไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทำเลใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังได้นำเเบรนด์บ้านลลิน กับมาทำใหม่โดยออกแบบให้มีความสวยความมากยิ่งขึ้น โดยระดับราคาจะอยูที่ 4-8 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีก 1-2 สัปดาห์หน้า

โดยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทเปิดโครงการไปเเล้ว 2 โครงการ เเละจะเปิดในไตรมาสที่ 2/2564 อีกว่า 5โครงการ ซึ่งในช่วงครึ่งปีเเรกบริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการประมาณ 7 โครงการ เเละที่เหลือจะทยอยเปิดในครึ่งปีหลัง เเละในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าปิดการขายโครงการทั้งหมดราว 7-8โครงการ

*เงินทุนแข็งแกร่ง

สำหรับงบซื้อที่ดินในปี 2564 บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 1,200ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 700-800 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท ในส่วนของฐานนะทางการเงินซึ่งบริษัทมีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E อยู่ที่ระดับเพียง 0.67 เท่า ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ราว 1.4 – 1.5 เท่า

และบริษัทยังมีเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอีกราว 1,000 ล้านบาท ตลอดจนมีวงเงินสนับสนุนทางการเงิน (Committed Line) ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ จากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรต่างๆ อีกมากกว่า 2,000 ล้านบาท ทำความสามารถในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง ตลอดจนมีการใช้หุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ

*เป้ายอดโอน 6 พันล.

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,000ล้านบาท โดย 2 เดือนแรกบริษัทมียอดขายแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ายอดโอนที่ 6,000 ล้านบาท โดยยังคงให้ความสำคัญกับตลาดแนวราบ ที่เป็น Real Demand และบริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ใน 2-3 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัทยังวางเป้าหมายการเติบโตในระยะ 3-5 ปี คาดว่าจะประมาณ 10-15%ซึ่งเป็นการเติบโตที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ และเป็นระดับที่เหมาะสม

“นโยบายการลดค่าโอนจดจำนองที่ผ่านมา ก็ถือว่าสามารถช่วยกระตุ้นยอดรับรู้รายได้ของบริษัท ได้เป็นอย่างดีดูจากไตรมาสที่ 4/2563 ซึ่งลูกค้าพยายามเร่งโอนเพื่อให้ทันกรอบระยะเวลามาตรการของรัฐ เนื่องจากสินค้าของบริษัทเองตรงกับมาตรการเกือบ 100%ในเรื่องราคา คิดเป็นกว่า 60% ถือว่าเข้าเกณฑ์ทั้งหมด” นายเสรี กล่าว

*ยอดปฏิเสธสินเชื่อทรางตัว

ทั้งนี้ภาวะภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2564 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะขยายตัวได้ราว 3% บวกลบ ทั้งนี้ขึ้นกับการกระจายวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างทำได้รวดเร็วเพียงใด แม้ภาคอสังหาฯ ในปี 2564จะต้องเผชิญปัจจัยลบหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ระดับหนี้ครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้น ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์

แต่ยอดปฏิเสธสินเชื่อในช่วง 1-2 เดือน ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น จากปี 2563 อยู่ประมาณ 23% สำหรับราคาวัตถุดิบในปัจจุบันไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มลดลงด้วยซ้ำ ส่วนวัตถุที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในการก่อสร้าง ก็จะเป็นราคาเหล็กและค่าแรง ซึ่งไม่กระทบต่อธุรกิจของบริษัทถึงแม้จะกระทบก็เป็นตัวเลขที่ต่ำมาก

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1