> SET > BCH

15 มีนาคม 2021 เวลา 15:36 น.

4 โบรกประสานเสียงเชียร์ซื้อ BCH เคาะพื้นฐาน 19-23 บาท

ทันหุ้น - 4 โบรกประสานเสียงเชียร์ซื้อ BCH เคาะพื้นฐาน 19-23 บาท มองกำไรยังโตได้สม่ำเสมอ แม้ปีนี้เผชิญโควิดและเปิด 2 รพ.ใหม่ ยังคงเรทติ้ง OUTPERFORM ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น คือ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากขึ้นใน Q1/64 โดยได้แรงหนุนจากรายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการเกี่ยวกับโควิด-19 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โตสองหลัก YoY


ทั้งนี้ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ BCH ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 10% และพยายามคุมเข้มรายจ่ายลดผลกระทบการเปิดอีก 2 รพ.ใหม่  โดยมั่นใจกำไร Q1/64 ยังโต YoY โดยมีรายได้เสริมจากร่วมภาครัฐทั้งตรวจคัดกรองโควิด และฉีดวัคซีน ทั้งนี้ มีแผนนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดผู้ป่วยของตนเอง และคาดผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับมาตั้งแต่ต้นต.ค. นี้ คาดกำไรปีนี้ยังเติบโต 7% และเติบโตเกิน 12% ในปีหน้า หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย บวกกับยังมี upside 31%  ยืนยัน ซื้อ เป้าหมาย 19 บาท


ประเด็นการลงทุน

ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 10% และพยายามคุมเข้มรายจ่ายลดผลกระทบการเปิดอีก 2 รพ.ใหม่  โดยในช่วง  2 เดือนแรกของปีนี้ รายได้กิจการรพ.ยังเติบโต YoY แม้ช่วงเดียวกันของปีก่อนยังไม่ได้รับผลกระทบของโควิด ทั้งนี้ยังได้แรงหนุนจากการร่วมภาครัฐตรวจคัดกรองโควิดโดยคาดจะตรวจได้ราว 1 แสนรายในงวด Q1/64 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากงวด Q4/63 จากผลของการระบาดระลอก 2 ของโควิด-19  นอกจากนี้ยังร่วมโครงการภาครัฐฉีดวัคซีนโควิด-19  ตั้งแต่ 3 มี.ค. นี้ อีกทั้งยังมีรายได้จากการร่วมกับโรงแรม 20 แห่ง ตรวจโควิดให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศกักกันตัวในโรงแรม 14 วัน หรือกักกันตนในรพ.ในกลุ่ม 14 แห่ง 14 วัน รวมถึงการตรวจโควิดของผู้มีเสี่ยงติดเชื้อโควิดที่ต้องกักตน 14 วัน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ซึ่งดำเนินงานโดดยองค์กรหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเริ่มควมคุมตั้งแต่งวด Q4/63 


นอกจากนี้ยังร่วมโครงการภาครัฐรับงานฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน ตั้งแต่ 3 มี.ค. นี้ รวมถึงมีรายได้ประกันสังคมเพิ่มขึ้นจาก รพ.ใหม่ เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่หน้า นิคมอุตสาหกรรม 304  เริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 ม.ค. นี้ โดยปีนี้ใช้โควต้าประกันสังคมของ รพ. เกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา 3 หมื่นราย ซึ่งงวด Q1/64 มีผู้ประกันตน 1.5 หมื่นราย ขณะคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีขาดทุนไม่เกิน 40 ล้านบาท หรือมีโอกาสคุ้มทุนได้ ขณะปลาย Q2/64 จะเปิดรพ. เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทร์ ซึ่งคาดจะมีขาดทุนราว 70-80 ล้านบาทในปีแรก เพราะค่าเสื่อมราคาเดือนละประมาณ 9 ล้านบาท โดยจุดเด่นของรพ. คือแพทย์และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เป็นคนไทย บวกกับอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย คาดจะช่วยเพิ่มฐานกำไรในระยะยาว ทั้งนี้ BCH มีนโยบายควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มข้นเพื่อลดผลกระทบจาก 2 รพ.ที่เปิดใหม่ในปีนี้ 


คาดรายได้จากนำเข้าวัคซีนโควิดมาให้บริการลูกค้าตนเอง Q3/64 และผู้ป่วยต่างชาติกลับ Q4/64  วันจันทร์ที่ผ่านมา ภาครัฐอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่รพ.เอกชนไม่สามารถนำเข้าด้วยตนเอง ต้องผ่านบริษัทนำเข้ายา ซึ่งขณะนี้ BCH มีบริษัทนำเข้ายาของตนเองที่ได้รับการอนุญาตแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องมีเอกสารจากบริษัทยาที่นำเข้า โดยกระบวนการ ถ้าเอกสารที่นำมาใช้พิจารณาครบถ้วน จะใช้เวลา 30 วัน แต่หากเอกสารที่ดำเนินการครั้งแรกไม่ครบถ้วนจะใช้เวลาราว 30 วัน ขณะบริษัทจำหน่ายวัคซีนในสหรัฐและยุโรป จะดีลกับองค์กรภาครัฐอย่างเดียว การนำเข้ามาให้บริการลูกค้าตนเอง จึงต้องสั่งผ่านองค์การเภสัช อย่างเดียว 


ขณะที่วัคซีน จาก จีน อินเดีย และสหรัฐ สามารถนำเข้าผ่านบริษัทนำเข้าของตนเองได้ กระบวนการต่าง ๆ ต้องใช้เวลาในการขออนุญาตนำเข้า และขอ อย.   จึงคาดว่าต้องซื้อผ่านองค์การเภสัชมาให้บริการวัคซีนโควิด-19 แก่ลูกค้าทั่วไปภายใน Q3/64 ก่อน โดยคาดเริ่มนำเข้ามาให้บริการเองได้ Q4/64  ขณะภาครัฐจะเริ่มเปิดประเทศ 1 ต.ค. นี้ โดยผู้ที่มีวัคซีนพาสปอร์ต กักตัวเพียง 7 วัน   ซึ่งนอกจากนี้จาก คูเวต และการ์ต้า ในปีนี้ WMC มี Contract กับสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ในการนำผู้ป่วยโดยเฉพาะแผลเบาหวานมารักษาใน WMC  ทำให้รายได้ WMC มีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ Q4/64 


ยื่นขออนุญาตตั้งศูนย์บำบัดรักษาด้วยกัญชา คาดเปิดให้บริการปลายปีนี้ เพิ่มฐานรายได้ระยะยาว  มองว่าศูนย์บำบัดรักษาด้วยกัญชา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โดยในปีนี้ คาดรายได้จะเติบโตได้ราว 10% ขณะกำไรคาดจะเติบโตต่ำกว่ารายได้ โดยคาด เกษมราษฏร์ รามคำแหงจะเริ่มสร้างกำไรในปีนี้ ชดเชย ผลขาดทุนจาก เกษมราษฏร์ อรัญประเทศ ที่เปิดปี 63 และ 2 รพ.ใหม่ ที่เปิดปีนี้ได้บางส่วน ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโต 7% 


ขณะที่คาดกำไรปี 65 จะเติบโตราว 12% จาก รพ. WMC ที่มีผู้ป่วยต่างชาติทยอยกลับมาใช้บริการตามปกติ โดย WMC มีมาร์จิ้นที่สูงสุดในกลุ่มรพ. บวกกับรพ.ใหม่ 2 แห่ง คือ เกษมราษฏร์ อรัญประเทศ และเกษมราษฏร์ เวียงจันทร์ จะมีขาดทุนลดลง อีกทั้งคาด เกษมราษฏร์ ปราจีนบุรี จะเริ่มมีกำไรในปี 65 เนื่องจากจะได้โควต้าผู้ประกันตนของตนเองราว 1 แสนราย ขณะศูนย์บำบัดรักษาด้วยกัญชา คาดจะมีมาร์จิ้นที่ค่อนข้างสูง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทำกำไรในระยะยาวได้


คงคำแนะนำ กำไรเติบโตต่อเนื่องได้ในปีนี้ และจะเติบโตชัดเจนในปี 65 หลังผ่านพ้นช่วงโควิด ขณะราคาเป้าหมายปี 64 ที่ 19  บาท upside 31%  ยืนยัน ซื้อ


**บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS ) ยังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ BCH ด้วยราคาเป้าหมาย 20 บาท/หุ้น มองว่าปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น คือ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งมากขึ้นใน Q1/64 โดยได้แรงหนุนจากรายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการเกี่ยวกับโควิด-19 คาดว่ากำไรจะเติบโต 11% ในปี 2564 เนื่องจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นที่โรงพยาบาลเดิมจะช่วยชดเชยผลขาดทุนในระยะเริ่มแรกที่โรงพยาบาลใหม่ BCH ซื้อขายที่อัตราส่วน EV/EBITDA ปี 2564 ระดับ 14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคอยู่ 26%


ได้ประโยชน์ระยะสั้นจากบริการเกี่ยวกับโควิด-19 BCH รายงานรายได้ที่แข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตเป็นบวก YoY ในเดือนม.ค.-ก.พ. โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณผู้ป่วยคนไทยที่เพิ่มขึ้นและรายได้เพิ่มเติมสืบเนื่องมาจากการเฝ้าระวังมากขึ้นซึ่งผลักดันให้มีผู้เข้าใช้บริการ RT-PCR เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 มากขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในประเทศไทย โดย BCH ได้ให้บริการนี้แก่ผู้ใช้บริการ ~100,000 รายในเดือนม.ค.-ก.พ. เทียบกับ 54,000 รายใน 4Q63 ส่งผลทำให้บริษัทมีรายได้ 230 ลบ เทียบกับ 141 ลบ. ใน Q4/63


เป้าหมายปี 2564 สะท้อนถึงปีที่ดีขึ้น BCH ตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก (หรือเติบโต ~10-15%) ในปี 2564 เร่งตัวขึ้นจากระดับทรงตัวในปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นที่โรงพยาบาลเดิมตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รายได้เพิ่มเติมจากบริการเกี่ยวกับโควิด-19 [บริการ RT-PCR เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19, สถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) และสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (AHQ)] และการเปิดโรงพยาบาลใหม่; โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี (ม.ค. 2564) และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ (จะเปิดภายในปลาย Q2/64) 


BCH เชื่อว่า EBITDA margin จะอยู่ในระดับทรงตัวในปี 2564 เนื่องจากบริษัทจะดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินงานที่ดีขึ้นที่โรงพยาบาลเดิมจะช่วยชดเชยผลขาดทุนในระยะเริ่มแรกที่โรงพยาบาลใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ในขณะที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี จะไม่เป็นภาระ เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้ให้บริการประกันสังคม (SC) และได้การตอบรับที่ดี เพราะมีผู้ประกันตนลงทะเบียนใช้บริการ ~14,000 ราย


ความคืบหน้าการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยโรงพยาบาลเอกชนนอกโครงการฟรีของรัฐบาลนั้น รัฐบาลได้อนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 แล้ว แต่จะต้องได้รับอนุมัติและลงทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน BCH เปิดเผยว่าบริษัทกำลังดำเนินการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 แต่ไทม์ไลน์ยังไม่แน่นอน เนื่องจาก  ปริมาณวัคซีนที่ผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการทั่วโลก


ยังคงประมาณการว่ากำไรของ BCH จะเติบโต 11% ในปี 2564 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เติบโต 14% และ EBITDA margin ระดับทรงตัวที่ 29.4% คาดว่ากำไรสุทธิของ BCH จะปรับตัวดีขึ้น YoY และ QoQ ใน Q1/64 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้เพิ่มเติมจากบริการเกี่ยวกับโควิด-19 และไม่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตั้งสำรองประกันสังคมและค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินงานของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี เหมือนใน Q4/63


**บล.เคทีบีเอสที ชี้ BCH กำไร 2564 มี upside จากตรวจ COVID-19, ลูกค้าประเทศจีน ยังคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 20.20 บาท อิง DCF  (WACC 7.1%, Terminal growth 2.5%) หรือเทียบเท่า 2564 PER ที่ 37x มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นจากการประชุมนักวิเคราะห์ (12 มี.ค. 21) โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โต 10%-15% YoY จาก 1) การเปิด รพ.ใหม่ 2 แห่ง (ปราจีนบุรีและเวียงจันทร์) คาดมีรายได้เพิ่มราว 370 ล้านบาท, 2) การตรวจคัดกรอง COVID-19 ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยใน Q1/64 QTD มีมากกว่า 100,000 ราย (สูงใกล้เคียง Q2/63 ที่ 123,000 ราย) และ 3) จำนวนผู้ประกันตนที่ลงทะเบียนในปี 2564 ทะลุ 900,000 คน (ปิดรับลงทะเบียน 31 มี.ค.64) ทำให้บริษัทได้ขยายจำนวนโควตาเพิ่มขึ้นเป็น 1.16 ล้านคน (จากเดิมที่ 1.06 ล้านคน)


ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1.36 พันล้านบาท (+11% YoY) จากรายได้โต +13% YoY ซึ่งมาจาก 1) โรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง ราว 370 ล้านบาท, 2) การตรวจ COVID-19 ราว 480 ล้านบาท (ประเมินผู้เข้าตรวจ 160,000 คน, -36% จากปี 2020) และ 3) จำนวนผู้ประกันตนลงทะเบียนอยู่ที่ 924,000 คน (+5% YoY) อย่างไรก็ตามรายได้รวมอาจสูงกว่าที่เราคาดจาก 1) จำนวนผู้เข้าตรวจคัดกรองที่อาจสูงกว่าคาดหากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากมาตรการลดการกักตัวเหลือ 7-10 วัน และ 2) จำนวนผู้ประกันตนลงทะเบียนสูงกว่าคาด โดยกำไรสุทธิปี 2564 มี upside เพิ่มขึ้นอีก +3% หากจำนวนผู้เข้าตรวจคัดกรอง COVID-19 เทียบเท่าปี 2563 และผู้ประกันตนโต +8%


ราคาหุ้น underperformed SET -25% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนความกังวลการระบาด COVID-19 รอบใหม่ อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดย BCH เทรดอยู่ที่ 2564 PER ที่ 27x (-2SD below 5-yr average PER 36.2x) ต่ำกว่า peer ที่ 34x และกำไรปี 2564 มี upside จาก จำนวนผู้เข้าตรวจคัดกรองและผู้ประกันตน และการกลับมาของกลุ่มลูกค้า IVF ประเทศจีน


**บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ส่อง BCH จากข้อมูลที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารยังคงมองบวกกับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 หลังจากที่กำไรสุทธิปี 2563 ออกมาแข็งแกร่งที่ 1.23 พันล้านบาท (+8.3% YoY) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 จะโตสองหลัก YoY ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี FY64 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.39 พันล้านบาท (+13.6% YoY) ยังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 23.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่ 3.0%) จากราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 22.30 บาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X