> SET >

08 มีนาคม 2021 เวลา 11:04 น.

ROJNA ดีบีเอสฯ อัพเป้าใหม่ที่ 5.82 บ. คาดปันผลปี 64 ราว 4.6%

ทันหุ้น - บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ส่อง ROJNA กำไร Q4/63 และปี 63 สูงอย่างน่าทึ่ง กำไรหลัก Q4/63 และตลอดปี 63 ดีกว่าคาดถึง +131%/+33% ตามลำดับ เพราะโอนนิคมได้สูงใน Q4/ 63  โดยรายได้นิคม Q4/63 สูงถึง 796 ล้านบาท สูงสุดในรอบปี และโต +399% y-o-y.+1,037% q-o-q ฝ่ายวิจัยปรับกำไรหลักปี 64 และ 65 เพิ่มขึ้น +49%/+39% ตามลำดับ สะท้อนรายได้นิคมฯ-อัตรากำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้าสูงขึ้น ปันผล 0.20 บาท yield 4.2% จ่ายน้อยกว่าปกติ เพื่อสำรองเงินสดไว้ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับขึ้นเป็น 5.82 บาท ด้วยวิธี SOP จุดแข็งคือ มีรายได้โรงไฟฟ้าสม่ำเสมอ และมีเงินลงทุนที่ดีในหุ้น GULF และกอง Reit สิงคโปร์คือ FLT ในต้นทุนต่ำ มีมูลค่าสูงคุ้มหนี้เงินกู้ได้

กำไรหลัก Q4/63 และตลอดปี 63 ดีกว่าคาดมาก คิดเป็นอัตรา +131%/+33% ตามลำดับ  เพราะรายได้จากธุรกิจนิคมฯปี 63 เป็น 1,404 ล้านบาท +66% y-o-y โดยเฉพาะรายได้จากโอนนิคมใน Q4/63 ที่สูงถึง 796 ล้านบาท สูงสุดรายไตรมาสในรอบปี 63 และโต +399% y-o-y.+1,037% q-o-q ที่เพียง 159 และ 170 ล้านบาท ตามลำดับ แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นไม่สูงนักเป็น 45.8% เทียบกับ y-o-y และ q-o-q ที่ 63.6% และ 30.3% ตามลำดับ ซึ่งมีสาเหตุจากในช่วง Q4/63 มีการโอนที่ดินแถบ จ.ชลบุรีในส่วนที่มีต้นทุนที่ดินแพง นอกจากนี้บริษัทก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายขาย-บริหาร และต้นทุนทางการเงินได้ดีกว่าคาด


กำไรหลัก Q4/63 และตลอดปี 63 เติบโตสูง สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนนิคมฯที่สูง ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยกำไรสุทธิ Q4/63 เป็น 727 ล้านบาท (+173% y-o-y, +678% q-o-q) แต่มีกำไรพิเศษจากเงินลงทุน และรายการอัตราแลกเปลี่ยนสูงเป็น 441 ล้านบาท มากกว่า y-o-y และ q-o-q มาก หากไม่นับเพื่อพิจารณาเฉพาะกำไรหลักเป็น 286 ล้านบาท ก็ยังเติบโตสูงคือ +97% y-o-y, +417% q-o-q สำหรับกำไรสุทธิตลอดปี 63 เป็น 1,383 ล้านบาท ลดลง 29% y-o-y ทั้งนี้กำไรพิเศษปี 63 เป็นเพียง 730 ล้านบาท น้อยกว่า 43% จากฐานปี 62 ที่ 1,685 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรที่ยังไม่รับรู้ในเงินลงทุนของ GULF ซึ่งปี 62 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงมาก แต่หากไม่นับ กำไรหลักปี 63 เป็น 653 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 157% y-o-y


ปี 63 กำไรขั้นต้นในส่วนธุรกิจนิคมฯเติบโตโดดเด่น แม้อยู่ในช่วงโควิด-19 เป็น 739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% y-o-y แรงผลักดันคือรายได้จากการโอนสูงเป็น 1,404 ล้านบาท สูงขึ้น 66% y-o-y แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเป็น 52.6% เทียบกับ y-o-y ที่ 62.8% เนื่องจากมีส่วนการโอนที่ดินบางแห่งที่มีอัตรากำไรไม่สูงในช่วงระหว่างปี เช่นแถบ จ.ชลบุรีในส่วนที่มีต้นทุนที่ดินสูง ด้านอีกหนึ่งธุรกิจหลักคือไฟฟ้า กำไรขั้นต้นเพิ่มชึ้นไม่มากนักเป็น 4% y-o-y ที่ 1,704 ล้านบาท แม้รายได้ในส่วนไฟฟ้า -6% เป็น 10,021 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นทำได้สูงขึ้นเป็น 17.0% เทียบ y-o-y ที่ 15.4% ผลพวงจากราคาต้นทุนก๊าซที่ปรับลดลง


ฐานะการเงินปรับตัวดีขึ้น แต่จ่ายปันผลน้อยกว่าปกติ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงเป็น 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 63 ต่ำกว่า 1 ปีก่อนหน้าที่ 1.5 เท่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเป็น 7.29 บาท ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น +3.0 พันล้านบาท สูงกว่าปี 62 ที่ +1.9 พันล้านบาท แต่จ่ายปันผลปี 63 ที่ 0.20 บาท เทียบกับปี 60-62 ที่จ่าย 0.40 บาท มา 3 ปีติดต่อกัน เผื่อสำรองไว้ในสถานการณ์ที่ยังมีโรคระบาดโควิด19 XD วันที่ 27 พ.ค.64 และจ่ายปันผลวันที่ 19 มิ.ย.63


ปรับประมาณการกำไรหลักปี 64 และ 65 เพิ่มขึ้น +49%/+39% ตามลำดับ พิจารณาได้จากตารางทบทวนด้านล่าง สะท้อนรายได้นิคมฯ และอัตรากำไรขั้นต้นโรงไฟฟ้าให้สูงขึ้น ทางด้านรายได้นิคมฯ มีการปรับให้เพิ่มขึ้นในปี 64 และ 65 ในอัตรา +43%/+33% ตามลำดับ โดยมีสมมุติฐานการโอนนิคมฯที่ 469 และ 491 ไร่ ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่โอนราว 450 ไร่ อีกทั้งได้ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าเป็น 17% สอดรับกับแนวโน้มราคาก๊าซที่ทรงตัวในระดับต่ำ แม้ปรับรายได้การขายไฟฟ้าลงบางส่วน รวมทั้งมีการปรับลดต้นทุนทางการเงิน สะท้อนจำนวนเงินกู้ที่ต่ำกว่าคาด


จุดแข็งของบริษัท คือ มีรายได้โรงไฟฟ้าสม่ำเสมอ ทั้งในส่วน SPP และโซลาร์ฟาร์ม แม้รายได้จากการโอนนิคมฯจะมีความผันผวน แต่ก็มีรายได้และกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้ามาช่วยค้ำจุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันรายได้จากโรงไฟฟ้ามีสัดส่วนมากกว่า 80% จากรายได้ทั้งหมด และให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมาดีต่อเนื่อง และมีเงินลงทุนที่ดีในหุ้น GULF และกอง Reit สิงคโปร์คือ FLT ในต้นทุนต่ำ มีมูลค่าสูงคุ้มหนี้เงินกู้ได้ หากพิจารณาภาระการเงินที่ 1 ปีข้างหน้าที่ต้องคืนหนี้เงินกู้ อยู่ที่จำนวนราว 5.4 พันล้านบาท มูลค่าตลาดของเงินลงทุนก็สูงกว่าแล้ว ซึ่งอยู่ที่ราว 6.7 พันล้านบาท  


คงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานใหม่ขึ้นเป็น 5.82 บาท ด้วยวิธี SOP (Sum of Parts) หลังปรับประมาณการให้สูงขึ้น คาดว่าธุรกิจจะมีการฟื้นตัวดี เมื่อเปิดให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าไทยได้ หลังมีการฉีดวัคซีน ด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ ROJNA ไม่ควรพิจารณาเฉพาะกำไรสุทธิ เพราะจะมีความผันผวนตามราคาเงินลงทุน GULF และ FLT ในช่วงนั้น แต่ควรพิจารณาจากกำไรหลัก (Core Profit) มากกว่า โดยคาดว่ากำไรหลักปี 64 และ 65 มีการเติบโตดีเป็น +15%/+6% ตามลำดับ อีกทั้งคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 64 อยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 4.6%


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X