ทันหุ้น - IVL ปักธงยอดขายปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 12% จากปีก่อน มองวัคซีนต้านไวรัสเอื้อความต้องการผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ PTA และ PTE ขยายตัวสูง ยิ้มรับราคาน้ำมันโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลบวกมาร์จิ้นผลิตภัณฑ์ HVA เพิ่มสูง เล็งเข้าซื้อกิจการใหม่เสริมแกร่งต่อเนื่อง
นายวิกัช จาลาน รองประธานด้านกลยุทธ์ การวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2564 มองว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากสถานการณ์แพร่รบาดของไวรสโควิ-19ที่เริ่มคลายตัวหลังจากที่มีการกระจายวัคซีนต้านในหลายๆ ประเทศ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศที่ส่งผลทำให้กลุมลูกค้าในหลายๆ ผลิตภัณฑ์เริ่มกลับมาส่งคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
บริษัทคาดว่ายอดขายในปี 2564 จะมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหากแบ่งตามธุรกิจประกอบด้วย 1. ธุรกิจไฟเบอร์ (Fibers) ในปี2564คาดว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ที่เกี่ยวเนื่องกับไลฟ์สไตย์มีการตันตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง บริษัทคาดว่าอุปสงค์เส้นใยโพลีเอสเตอร์จะฟื้นตัวจากการเติมเต็มสินค้าคงคลังเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงจากการซื้อกิจการไฟเบอร์ในประเทศอินเดียในช่วงที่ผ่านมาทำให้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตมากขึ้น
กลุ่มธุรกิจหนุน
ด้านอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ Mobility เริ่มกลับมาฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากยอดขายของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใช้การเดินทางส่วนบุคคล ขณะที่ผลิตภัณฑ์ Hygiene คาดว่าอุปสงค์ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคมีความมต้องการด้านสุขอนามัยที่เพิ่มขึ้น สำหรับราคาโพลีโพรพิลีน (PP) ซึ่งเป็นวัตถุดิยหลักในการผลิต Hygiene นั้น คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงสุดในไตรมาส 1/2564 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่จะส่งผลเชิงวกในไตรมาส 2/2564 จากการส่งผ่านราคาที่ล่าช้า
2. ธุรกิจ Combined PET คาดว่าปี 2564 จะมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 7-8%จากปีก่อน โดยมองว่าด้วยปัจจัยราคาน้ำมันโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบันจะช่วยส่งผลบวกต่อมาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์ PET และส่งผลให้มีกำไรจากสินค้าคงเหลือ ประกอบกับด้วยสาเหตุความขาดแคลนของผลิตภัณฑ์ Combined PET ในตลาดจะยังทำให้มาร์จิ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบพาราไซลีน (PX) กรดเทเรฟทาลิกบริสุทธิ์ (PTA) และโมโนเอทิลีน ไกลคอล (MEG) อยู่ในระดับที่สูงอีกด้วย
เล็งโอกาสลงทุน
3. ธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) คาดว่าปีนี้จะมีการปรับตัวดีขึ้นจากราคาน้ำมันดิบ อุปสงค์น้ำมันเบนซิน แฃะอุปสงค์ MEG ที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2564 ทั้งนี้ด้วยราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาอ้างอิงในตลาดของผลิตภัณฑ์ MEG เพิ่มสูง และข้อได้เปรียบของ Shale Gas ที่ดีขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสูงขึ้น ทั้งนี้ภายหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19คาดว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินจะดีขึ้นจากการเดินทางทีเพิ่มขึ้น
สำหรับผลิจภัณฑ์ MTBE คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากข้อได้เปรียบในการแข่งขันของวัตถุดิบที่มาจาก shale gas ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเทียบกกับการผลิตจากแนฟทา ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA เช่น ธุรกิจ Propylene Oxide (PO), Purified Ethylene Oxide (PEO) และ Surfactant ของบริษัทปี 2564มองว่ายังคงมีความคงที่ในด้านปริมาณการผลิตและอัตรากำไร
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีความสนใจและมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเพื่อนำมาต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีให้คอบคลุมความต้องการได้มากยิ่งขึ้น โดยเงินลงทุนปี 2564 บริษัทวางงบไว้ที่ราว 300-350 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับปรุงสินทรัพย์ถาวร
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม