ทันหุ้น-บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2563 มีกำไร 1,894.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2562ที่มีกำไร 1,560.68 ล้านบาท ในปี 2563 มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 104,423 ล้านบาท ลดลง 13% เป็นผลมาจากราคาขายปลีกน้ำมันเฉลี่ยลดลง 16.0% โดยรายได้จากธุรกิจน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 96% ของรายได้จากการขายและบริการ 

อย่างไรก็ตามปริมาณการจำนหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางทั้งปี 2563 เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน อยู่ที่ 4,959 ล้านลิตร เนื่องจากการขยายจำนวนสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีต่อเดือนเพิ่มขึ้น 0.9% 

ในส่วนของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 5.6% อยู่ที่ 4,226 ล้านบาท โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นหลักมาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ MAX Mart ธุรกิจแก๊ส LPG และธุรกิจอื่นๆ ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มลดลงจากการปิดสาขาร้านการแฟคอฟฟี่เวิร์ด ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่รายได้ของกาแฟพันธุ์ไทยยังคงเพิ่มขึ้น 

**เปิดแผนปี 64 

สำหรับเป้าหมายในปี 2564 บริษัทได้ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 8-12% จากการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊ศ LPG อีก 100-150 สาขา รวมถึงขยายการให้บริการธุรกิจแก๊ส LPG ครัวเรือน จากการเพิ่มสาขาการให้บริการ Gas Shop อีก 50 สาขา 

ในส่วนของการเติมเต็มธุรกิจ Non-Oil พีทีจีมีเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนสาขา  Non-Oil อีก 100-150 สาขา เพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น 

โดย พีทีจีจัดสรรงบการลงทุนไว้ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสาขาของธุรกิจน้ำมันและ ธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจใหม่ 

ในส่วนของผลประกอบการ พีทีจียังคงมุ่งเน้นการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอและยั่งยืน ทำให้พีทีจีมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จากในปี 2563 มีสัดส่วน 11.5% โดยธุรกิจที่จะมาขับเคลื่อนรายได้ในธุรกิจ Non-Oil ในปี 2564 ได้แก่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมันของบริษัท

รวมถึงวางกลยุทธ์การตลาด สร้างแบรนด์ที่เป็นมาตรฐานและพัฒนาสินค้าใหม่ในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ส่งอบอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากชุมชน 

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายธุรกิจแก๊ศ LPG ครัวเรือนให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยพีทีจี มีแผนเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายแก๊ศ LPG ครัวเรือนให้มีสัดส่่วน 40-50% ของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ทั้งหมด 

และอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาขับเคลื่อนคือธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ โดยบริษัทมีแผนที่จะ ขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล และต่างจังหวัด 

ในส่วนของโครงการ Palm Complex ที่ปัจจุบันสามารถดำเนินโครงการได้เต็มกำลังการผลิต และมีแผนต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เช่น อุตสาหกรรมโอเลโอ เคมิคอล(Oleo Chemical) เป็นต้น ในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทนอื่นๆ พีทีจีก็มีแผนขยายการให้บริการ เพื่อตอบรับกับเทคโนโลโยที่เปลี่ยนแปลงไปและนโยบายของประเทศที่สนับสนุนพลังงานทดแทนมากขึ้น 

รวมถึงการต่อยอดระบบการให้บริการ เข้ากับเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และสามารถดูแลลูกค้าให้“อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิต ด้วยเหตุนี้ พีทีจีจึงคาดว่า EBITDA ในปี 2564 จะเติบโต 10-15% จากปีที่แล้ว 

คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 11 มี.ค.2564 และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 12 มี.ค.2564 โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พ.ค.2564

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1