> KS Whole in one >

01 มีนาคม 2021 เวลา 06:30 น.

คาดตลาดหุ้น Rebound กรอบ 1,500-1,505จุด แนะจับตาการปรับพอร์ต MSCI

- วันจันทร์ติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin (ก.พ.)ตลาดคาด 52.7, ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (ก.พ.)สหรัฐ ตลาดคาด 58.6


- วันอังคารติดตาม ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.พ.)EU ตลาดคาด0.5%


- วันพุธติดตาม ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (ก.พ.)สหรัฐ ตลาดคาด58.5, การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี (ADP) (ก.พ.)สหรัฐ ตลาดคาด 125K


- วันพฤหัสติดตาม ผลิตภาพนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Productivity) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 4)สหรัฐตลาดคาด-4.6%


- วันศุกร์ติดตาม ดุลการค้า (ม.ค.)สหรัฐ ตลาดคาด -65.80B, การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเอกชน (ก.พ.)สหรัฐ ตลาดคาด100K


เมื่อวานที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค. โดยภาพรวมเราพบสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจเทียบจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดระลอกสองของโรค COVID-19 โดยการบริโภคภาคเอกชนในส่วนของสินค้าคงทน (ยอดขายรถยนต์และจักรยานยนต์ลดลง 47% และ 6.6% ตามลำดับ) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.1 เป็น 47.8 เช่นเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนซึ่งปรับตัวลดลงเช่นกัน และหากอิงจาก Bloomberg Consensus เราพบว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ (34คน) ได้ปรับประมาณการ GDP ของไทยลงจาก -2% เป็น -3.6% ใน 1Q21 และเพิ่มขึ้นเป็น +8.5% (เดิม +8%) ใน 2Q20 ขณะที่คาดว่า GDP ทั้งปี 2021 จะอยู่ที่ +3.5% (เราประเมินไว้ที่ 2.7%)


ส่วนของตลาดหุ้น เราพบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งโดย ดัชนี DJ +424จุด ที่ 31,961จุด เป็นผลจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัคซีนที่ปรับตัวขึ้นเด่น 4-5% สวนทางกับแรงขายในกลุ่ม Utility -2% ในขณะที่ Sentiment ของการลงทุนเริ่มกลับมาเป็นบวกอ่อนๆ ภายหลังจากที่ Powell ได้มีการแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงินอีกครั้ง ด้วยมุมมองเชิงผ่อนคลาย ทำให้ความกังวลของนักลงทุนส่วนใหญ่ในประเด็นเรื่องเงินเฟ้อลดลง โดย Powell กล่าวว่าเงินเฟ้อยังอยู่ห่างไกลจากระดับเป้าหมาย และคาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 3 ปีกว่าที่เงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมาย 


นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างว่า การปรับขึ้นของราคารถยนต์ในปัจจุบันนั้นเป็นผลมาจากการขาดแคลนชิปซึ่งเป็นเพียงแค่ปัจจัยในระยะสั้น พร้อมระบุว่าปีนี้อาจเห็นเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นแต่เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อนซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้นักลงทุนลดความกังวลต่อนโยบายการเงินที่เข้มงวด และคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยอีก 1ปีกว่าที่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของนโยบายดังกล่าว เป็นผลให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นคืนบางส่วน เบื้องต้นเราแนะจับตาดูอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน เพิ่มเติมจากทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่าน (EYG%)


คาด SET ยังคงแกว่งในกรอบแคบ 1490-1550จุด


หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์หน้า

SYNEX: 19.7Bt -

EPG: 14 Bt

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X