ทันหุ้น - SMT เล็งอัพเป้าปี 2564 เป็นเกือบ3 พันล้านบาท จากเดิมที่ราว 2.51 พันล้านบาท หลังออเดอร์ไหลเข้าพอร์ต คาดชัดเจนใน 1-2 เดือนนี้ ทุ่มงบ 60 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักร แถมศึกษาตั้งโรงงานใหม่ ปูทางรับทรัพย์เพิ่ม เชื่อได้ข้อสรุปปี 2565

นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปี 2564 เพิ่มเป็นเกือบ 3 พันล้านบาท จากเดิมที่วางไว้2.51 พันล้านบาท หลังแนวโน้มคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมาก อีกทั้งประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ราว 20% หลังธุรกิจมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะช่วยผลักดันให้กำไรทั้งปีนี้เติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ด้วย

ออเดอร์ทะลัก

ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 รวม 9 เดือนแล้ว อีกทั้งยังมีงานในมือ (Backlog) ในส่วนอื่นๆ อีกราว 50 ล้านบาท รวมทั้งยังอยู่การเจรจารับออเดอร์ใหม่ๆ จากลูกค้าหลายราย คิดเป็นมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจหวังได้รับงานราว 6 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ทาง SMT ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทในการกระจายกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าอยู่ที่ 8-9 ราย จากปี 2562 ที่ลูกค้าที่ 1-2 ราย ทำให้บริษัทลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่ง และทำให้บริษัทสามารถนำเสนองานให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นงานที่ให้มาร์จิ้นที่สูงได้มากขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่บริษัทพึ่งพิงลูกค้าเพียงรายเดียวในกลุ่มฮาร์ดดิส แม้ว่าจะมีปริมาณการขายที่สูง แต่เป็นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นต่ำ ทำให้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ในการกระจายกลุ่มลูกค้า และส่งผลให้ผลงานของบริษัทเริ่มฟื้นตัวขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนทุ่มเงินราว 60 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มเติม หวังเสริมศักยภาพการผลิตและรองรับออเดอร์ใหม่ที่เติบโตมากขึ้นด้วย

ตั้งรง.ใหม่รับทรัพย์

นายวิรัตน์ กล่าวว่าบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มเติม ขนาดพื้นที่ราว 1 หมื่นตารางเมตร ซึ่งคาดใช้งบราว100-150 ล้านบาท รองรับออเดอร์ที่เติบโตต่อเนื่องในอนาคต

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 30.007 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย 23 กุมภาพันธ์ 2564) บริษัทมองไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ แม้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออก 100% เพราะธุรกิจมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศคิดเป็นตัวเลขสูงถึง 40-50% ประกอบยังได้เจรจาลูกค้าเพื่อขอปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนส่วนดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1-2% ในอนาคตไว้ล่วงหน้าแล้ว

อนึ่ง ในงวดปี 2563บริษัทมีกำไรสุทธิ 83.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.30 ล้านบาท หรือ 299.18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ41.88 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,908.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 125.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น7.03%

ทั้งนี้ บริษัทสามารถมีรายได้เติบโตขึ้นท่ามกลางการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้อานิสงส์มาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธุรกิจ IC ซึ่งเติบโตถึง 27% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1