3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุนวันนี้ พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น

ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index  ปิดที่ระดับ 1478.14 จุด (-22.37 จุด) ดัชนีอ่อนตัวลงปิดที่ระดับเป้าหมาย คือ 1478 จุด ดังนั้นมีโอกาสที่จะได้ลุ้นการเด้งกลับในรอบระยะสั้น ยังมองรอบหลักเป็นการพักตัวปรับฐานอยู่

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น  ทยอยแบ่งขายทำกำไร จนกว่าดัชนีจะกลับมายืน 1511 จุด

ไม่มีหุ้น  เก็งกำไรที่บริเวณ 1478 จุด ลุ้นเด้งระยะสั้น

ประเมินแนวรับ 1476/1460  แนวต้าน 1486/1490

**บล.กรุงศรีฯ คาด SET แกว่งตัว 1,470-1,490 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงถูกแรงกดดันจากความกังวล Bond yield สหรัฐที่ปรับขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้ธ.กลางต่างๆ ลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นรวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวจะช่วยหนุนต่อทิศทางดัชนี

กลยุทธ์ลงทุน Selective buy 

- หุ้นที่คาดว่างบ Q4/63 เติบโต IVL SPRC ESSO ROJNA TVO HTC CPF RCL COM7 WICE JMT JMART SAWAD AH CHG

- กลุ่มเดินเรือ PSL TTA RCL ค่าระวางเรือมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ 

- SPRC (ปิด 8.9 ซื้อ/เป้า 10.6) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบบวกแรงหนุน Stock gain เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วน GRM มองผ่านจุดต่อสุดไปแล้ว และเริ่มเห็นการฟื้นตัวชัดเจนจากส่วนต่างน้ำมันเบนซินและดีเซลที่สูงขึ้นสู่ระดับ 6 และ5$/bbl เทียบกับ Q4/63 ที่ 4 และ 3.7$/bbl

- SINGER (ปิด 30.25 ซื้อ/เป้าสูงสุด Consensus 35) วานนี้ราคาหุ้นร่วงแรงกว่า 4% แต่งบ Q4/63 ออกมาดีเกินคาดและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 198%yoy และ 6% qoq ราคาหุ้นลดลงจึงเป็นโอกาสซื้อ

**บล.ฟินันเซีย ไซรัส มอง SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,470-1,490 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดว่าจะเกิด Technical Rebound ได้จากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น เช่นเดียวกับ Commodity ทั่วโลกจากกระแสคาดการณ์เงินเฟ้อที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะใน 2H64 หลังจากวัคซีนมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งสร้าง Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นซึ่งปรับตัวขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจากสภาพคล่องในตลาดที่สูงจากการอัดฉีดเม็ดเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก 

อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า FED จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และคาดทยอยสื่อสารกับตลาดสำหรับประเด็นเงินเฟ้อ ทำให้ยังมองการปรับฐานของดัชนียังเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานโดยมองระดับแรกบริเวณ 1,450-1,460+- จุด ขณะที่ปัจจัยในประเทศระยะสั้นโฟกัสยังอยู่ที่การประกาศผลประกอบการ 4Q20 ของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงตัวเลขส่งออกไทยเดือน ม.ค. วันนี้  ในแง่กลยุทธ์ระยะสั้นจึงยังแนะนำให้เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร Q4/63 แข็งแกร่ง 

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการ Q4/63 แข็งแกร่งและ PE ต่ำ//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,450-1,460+- จุด

หุ้นเด่นเดือนก.พ. : CHG, HMPRO, JWD, SYNEX, TACC

หุ้นเด่นวันนี้ : TU

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20  บาท

• กำไรสุทธิ 4Q20 -29% Q-Q, +38% Y-Y ดีกว่าคาดมากมาจาก Operation ที่ดีจากธุรกิจทูน่ากระป๋องที่โตแกร่งชดเชย Red Lobster ที่ยังขาดทุนหนัก โดยกำไรสุทธิปี 2020 ทำ New High +64% Y-Y 

• แนวโน้มกำไรปี 2021 คาดอ่อนลงเล็กน้อย -3% Y-Y จากฐานสูงใน 2Q20-3Q20 จากการ Panic Buy แต่ในแง่ Valuation ยังถูกมาก เทรด PE เพียง 11.5 เท่า พร้อม Dividend Yield ราว 5% ต่อปี

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$515 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไทย US$364 ล้านและ US$66 ล้าน ตามลำดับ มีเพียงอินโดนีเซียที่มีเม็ดเงินไหลเข้า US$28 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจากกระแสคาดการณ์การเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเร็วและเม็ดเงินไหลเข้า Commodity

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1