ทันหุ้น – BGC ทุ่มงบลงทุน 2.5 พันล้านบาท ซื้อกิจการเสริมแกร่ง แย้มอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ 3-4 ดีล คาดไตราส 1/2564 จบได้ 1 ดีล เป็นผู้ผลิตกล่องกระดาษ ขนาดกำลังผลิตกว่า 1 แสนตันต่อปี มูลค่า 800-900 ล้านบาท ปักธง 5 ปี รายได้ยืนเหนือ 2.5 หมื่นล้านบาท

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส
จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2564บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ประมาณ 35%จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,968 ล้านบาท และวางเป้า 5 ปีหรือภายในปี 2568รายได้จะเพิ่มเป็นเท่าตัวหรือมากกว่า 25,000 ล้านบาท จากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยจะลงทุนขยายความสามารถในการผลิตเกี่ยวเนื่องบรรจุภัณฑ์ให้ครอบคลุมและครบวงจรมากขึ้น (Total Packaging Solution)

ทั้งนี้ บริษัทวางเงินลงทุนในปี 2564 ไว้ที่ประมาณ 2,500 ล้านาท เพื่อรองรับในการลงทุนเพิ่มประสิทธิ์ภาพกำลังการผลิต และขยายความสามารถในการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจการผลิตฟิล์มพลาสติก ฉลาก กล่องกระดาษลูกฟูก ฝาพลาสติก ขึ้นรูปขวดพลาสติก PET หลอดพีฟอร์ม เป็นต้น

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 3-4 ราย เบื้องต้นคาดว่าภายในไตรมาสส 1/2564 จะได้ข้อสรุปไม่น้อยกว่า 1 ดีล เป็นธุรกิจผลิตกล่องกระดาษ กำลังการผลิตกว่า 100,000 ตันต่อปี คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 800-900 ล้านบาท

*ดีลซื้อกิจการไม่หยุด

ขณะเดียวกันทางที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทได้มีมติอนุมัติแผนลงทุน M&A ในกิจการ 2 บริษัท ได้แก่ 1) เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม

และ 2) เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ มีขนาดกำลังการผลิตประมาณ 50,000 ตันต่อปี เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,650 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ และบริษัทยังคงรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ไม่เกิน 2.5 เท่า ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564

จากขยายการลงทุนเพิ่มเพื่อเสริมศักยภาพการเป็น Total Packaging Solution ได้อย่างครบวงจร ส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้โครงสร้างรายได้ในปี 2568จะประกอบด้วยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วจะอยู่ที่ประมาณ 55%, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับบรรจุภัณฑ์แก้วคาดว่าจะมีสัดส่วน 40% และธุรกิจด้านพลังงาน 5% เป็นต้น จากปัจจุบันี่บรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่กว่า 95% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจด้านพลังงาน 5%ของรายได้รวม

*ขยายรายได้ส่งออกเพิ่ม

ประกอบกับในปี 2564 นี้ บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเติบโตเป็น 12% และในประเทศ 88% พร้อมทั้งเดินหน้าขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19จะส่งผลให้ภาครัฐในหลายประเทศมีงดการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอไประยะหนึ่ง ทำให้ยอดขายบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดลดลงแต่เชื่อว่าในปีนี้สถานการณ์จะถูกคลี่คลายลงแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทคาดหวังว่าในปี 2568จะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกตะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 15-20% จากปัจจุบันที่มีรายได้จากการส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ราว 8%