> SET > STGT

17 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 10:49 น.

STGT เผยมีออเดอร์ถุงมือยางยาวถึง 30 เดือน, โบรกฯ มอง Valuation น่าสนใจ

ทันหุ้น-บริษัท ศรีตรังโกลฟส์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ STGT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 2563 บริษัทมีปริมาณคำสั่งซื้อที่รอการส่งมอบ (Backlog) สูงสุดของบริษัท สำหรับถุงมือยางธรรมชาติ หรือ NR ที่มีต่อเนื่องไปถึง  13 เดือน และถุงมือยางสังเคราะห์ หรือ NBR ที่มีต่อเนื่องไปจนถึง 30 เดือน แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาทุกไตรมาสในปี 2564 นี้ก็ตาม 


ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทสามารถสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 30,405.1 ล้านบาท เติบโต 153.5% และมีกำไรกำไรสุทธิได้สูงถึง 14,400.9 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 2,245.8% โดยการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต วิถีการทำงานและทำให้ถุงมือยางกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพของคนบางกลุ่มไปแล้ว 


ขณะที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ ก.พ.2563 บริษัทมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาจากโรงงานที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดตรัง หนุนให้ปริมาณการขายถุงมือยางตลอดทั้งปี 2563 เติบโต 40.6% อยู่ที่ 27,965 ล้านบาท แม้ในปลายปี 2563 ต้องประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ถุงมือยางบางส่วนที่ผลิตออกมาแล้วไม่สามารถส่งออกไปยังลูกค้าได้ตามกำหนด แต่ในด้านการผลิต บริษัทยังดำเนินการผลิตอย่างเต็มศักยภาพของเครื่องจักร ด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2563 ที่ 94% 


โดยในปี 2563 ราคาขายเฉลี่ยเติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่ 1,087 บาทต่อพันชิ้น ขยายตัว 80.3% ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือความต้องการในการบริโภคและกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากทั่วโลก จากการใช้ถุงมือยางเป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล 


บริษัท มีแผนการขยายกำลังการผลิตเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ 80,000 ล้านชิ้น ภายในปี 2567 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการและคาดว่าจะแล้วเสร็จกว่าแผนเดิมที่วางไว้อีก 2 ปี โดยภายในไตรมาส 1/64 บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงงานสาขาสุราษฏร์ธานี (SR2) โรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี (SR3) ภายในไตรมาส 2/64 และโรงงานแห่งใหม่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายในไตรมาส 3/64 โดยในสิ้นปี 2565 บริษัทจะมีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ 50,000 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2563 ที่ 54.5% โดยคาดว่าจะมีโครงสร้างการผลิตผลิตภัณฑ์ถุงมือยาง NR ในอัตรา 60% และผลิตภัณฑ์ถุงมือยาง NBR ในอัตรา 40% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 


โดยบริษัทได้เร่งการขยายกำลังการผลิตเพื่อสนองตอบความต้องการถุงมือยางที่เติบโตสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ โดยสามารถสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ SR2 ให้เริ่มทำการผลิตได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน 


**โบรกฯ มองกำไร Q4 ดีกว่าคาด 


บล.เอเชีย พลัส แนะนำซื้อหุ้น STGT ให้ราคาเป้าหมายที่ 65 บาทต่อหุ้น มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 8.5 พันล้านบาท สูงกว่าคาด 6% ขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นถึง 93.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/63 และกว่า 46 เท่าตัวจากไตรมาส 4/62 จากปัญหาถุงมือยางขาดแคลน จะทำให้ STGT ปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางได้ต่อเนื่องในงวดครึ่งแรกปี 2564 ซึ่งจะทำให้กำไรในปี 2564 เติบโต 72.5% 


นอกจากนี้มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันมีค่าพี/อี เรโชปี 2564 เพียง 4 เท่า จึงทำให้มี Valuation ที่น่าสนใจ และ STGT ยังประกาศจ่ายปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังของปี 2563 ที่ 2 บาท คิดเป็น อัตราการจ่ายเงินปันผล 5.0% ขณะที่การจ่ายปันผลทั้งปีมีอัตราการจ่ายกว่า 11% จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุน 


ราคาหุ้น STGT เช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 40.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.63% มีมูลค่าการซื้อขาย 1,284.75 ล้านบาท



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X