> SET > JMT

16 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 08:30 น.

JMTชี้Q1ปิดดีลซื้อหนี้ จัดงบ6พันล้านลุยต่อ

ทันหุ้น – JMT แย้มอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาซื้อหนี้ 3-4 ราย คาดสรุปได้ภายในไตรมาส 1/2564 นี้ พร้อมอัดฉีดงบ 6 พันล้านบาท ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มต่อเนื่อง จากสิ้นปี 2563 คาดพอร์ตหนี้คงค้างแตะ 2 แสนล้านบาท มองมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ไม่กระทบธุรกิจ


นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า กรณีที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จำนวน 22 แห่ง และสำนักงานศาลยุติธรรม กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม จัดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน” เพื่อเป็นช่องทางช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินแบบครบวงจรนั้น มองว่าไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจบริหารหนี้ของบริษัท


แม้ว่าโครงการดังกล่าวอาจทำให้ต้องมีการดึงกลับบัญชีลูกหนี้เพื่อเข้าร่วมการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้พอร์ตบริหารหนี้เติบโตทรงตัวหรือมากกว่าเล็กน้อยจากปีก่อน แต่มองว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักในพอร์ตและส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มบัญชีลูกหนี้ที่มีอายุสัญญาไม่มากนัก ส่วนประเด็นการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ระรอกใหม่นั้น อาจมีผลกระทบต่อกลุ่มลูกหนี้ที่มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ก็เป็นในบางพื้นที่บางภาคส่วนของธุรกิจเท่านั้น โดยสัดส่วนราวๆ ลูกหนี้กลุ่มนี้อยู่ที่ 10% ของพอร์ตลูกหนี้รวม


*รอเซ็นสัญญาซื้อหนี้เข้าพอร์ต


ขณะเดียวกันในปี 2564บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการเข้าร่วมซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากทางสถาบันการเงินเข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและรอเซ็นสัญญา (LOI) ประมาณ 3-4 แห่ง ซึ่งสัดส่วนมากกว่า 50%เป็นหนี้ด้อยคุณภาพแบบที่มีหลักประกัน เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถทยอยได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไปไม่น้อยกว่า 1 แห่ง


โดยในปี 2564บริษัทเตรียมงบประมาณรองรับการรัซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในพอร์ตเพิ่มอีกกว่า 6,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถซื้อหนี้ฯ เข้ามาบริหารในพอร์ตได้มากกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตามในปี 2563บริษัทใช้เงินซื้อหนี้ฯ อยู่ที่ราวๆ 3,000 ล้านบาท สามารถซื้อหนี้ด้อยคุณภาพไปกว่า 20,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าพอร์ตหนี้คงค้างในช่วงสิ้นปี 2563 อาจแตะ 195,000-200,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยสะท้อนต่อการขยายตัวของพอร์ตที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2564 นี้


*โควิดรอบกระทบจำกัด


ส่วนธุรกิจประกันภัยนั้น มองว่าในปี 2564 พอร์ตอาจมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพราะในปีนี้บริษัทหันมามุ่งเน้นการสร้างยอดขายอย่างมีคุณภาพมากกว่าปริมาณ ส่งผลให้คาดว่าในปีนี้จะเริ่มเห็นการเติบโตของอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับคือค่าเบี้ยประกัน อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ของ JMT ในปี 2564 นั้นอาจใกล้เคียงกับปีก่อน แบ่งเป็นธุรกิจการบริหารพอร์ตหนี้เสียอยู่ที่ราว 80%งานติดตามหนี้ 12% ธุรกิจประกันภัยอีกราว 8%


“การกลับมาระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกใหม่นี้มองว่าผลกระทบนั้นอยู่ในวงจำกัด ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบเป็นเพียงบางพื้นที่เท่านั้น เพราะโรงแรมหลายแห่งทั่วประเทศไทยยังคงดำเนินการต่อได้ปกติ หลายคนปรับรูปแบบทำงานมาเป็น WFH ส่วนใหญ่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มที่มีอาชีพเกี่ยวเนื่องการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นเพียงราวๆ 10% ของพอร์ตลูกหนี้คงค้างเท่านั้น ขณะที่ประเด็นการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธปท. มองว่าจะไม่ส่งผลระทบต่อธุรกิจบริหารหนี้ของเรา” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X