ทันหุ้น-รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ยังคงส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงปลายปี 2563 เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวและการสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ แต่การเริ่มระบาดระลอกใหม่ของโรค Covid-19 ในเดือนธันวาคม 2563 ส่งผลให้กิจกรรมต่างๆ ระงับโดยปริยาย
อย่างไรก็ตามบริษัทมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่เข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 63/64 (ต.ค.63 – ธ.ค.63) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,593.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,427.7 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.8% การนำนโยบายลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมาใช้อย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33.2% อยู่ในระดับสูง ทำให้มีกำไรสุทธิ 433.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213.4 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของกำไรสุทธิรายไตรมาส
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้ แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 648.1 ล้านบาท หรือลดลง 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายในประเทศยังเติบโตช้าตามการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง อีกทั้งความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ยอดขายตลาดในสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้นเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดขายในญี่ปุ่นฟื้นตัวดีขึ้นเทียบจากไตรมาสก่อน
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,291.9 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 24.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ปีบัญชีก่อนหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบ
จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียมียอดขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคนออสเตรเลียนิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น รวมถึง TJM ได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ เพื่อความสะดวกของลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่าย
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 653.1 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภท กล่องใส่อาหาร เนื่องจากผู้บริโภคยุค New Normal นิยมสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น อีกทั้งได้รับอานิสงค์จากมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศอีกด้วย ส่งผลให้ยอดขายของ EPP ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า
บริษัทมีต้นทุนขายสินค้า 1,731.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัวลง และการบริหารจัดการให้ต้นทุนในการผลิตลดลง สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
**โบรกฯ ปรับประมาณการกำไรขึ้น
บล.หบวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรปกติของ EPG ในไตรมาส 3 เติบโดดเด่น หลังยอดขายอะไหล่ยานยต์โตดี และมาร์จิ้นกว้างขึ้น และได้ปรับประมาณการกำไรปี 2563/64 ขึ้น โดยกำไร 9 เดือนแรก คิดเป็น 75.2% ของประมาณการกำไรปกติเดิม ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดจากการฟื้นตัวของยอดขายอะไหล่ยานยนต์และอัตรากำไรขั้นที่โดดเด่น ส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรปกติของปี 2563 และ 2564 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 7.6% ทั้งนี้ภายใต้ประมาณการใหม่คาดกำไรในไตรมาส 4 จะเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากผ่านพ้นช่วง High Season ของธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ แต่ภาพยังคงโตเด่น หนุนด้วยพัฒนาการเชิงบวกของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก นำโดยธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ที่คาดปรับขึ้นเด่นตามความต้องการซื้อยานยนต์ในประเทศที่เร่งตัวขึ้นบวกกับยอดส่งออกที่คาดเติบโตได้ดีจากความต้องการอะไหล่ตกแต่งและเสริมสมรรถรถ SUV และ 4x4 ในกลุ่มลูกค้ายุโรปและออสเตรเลีย
นอกจากนี้คาดธุรกิจฉนวนยางจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นสอดรับไปกับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดเห็นการปรับตัวขึ้นของความต้องการใช้ Food Packaging ในธุรกิจ Delivery จากผลของการกลับมา Work from home ในเดือน ม.ค. หนุนให้คาดทั้งปี 2563 EPG จะมีกำไรปกติ 1,135 ลบ. โต 13.6%
คงคำแนะนำซื้อ มองว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกลุ่มยานยนต์ ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี Upside 20.9% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2564 ที่ 10.40 บาท
ราคาหุ้น EPG เช้านี้ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 9.25 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 7.56% มีมูลค่าการซื้อขาย 264.85 ล้านบาท
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม