ทันหุ้น - โบรกส่องกล้อง TACC ดีดลูกคิดคำนวนกำไรไตรมาส 4/63 พุ่งขึ้น 20% แตะ 51 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากการขยายสาขา 7-11 และโปรเจ็กต์อัพไซส์ขนาดแก้ว พร้อมคาดมาร์จิ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 34.7% เคาะเป้าหมาย 8.30 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ระบุถึง บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ว่าประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 51 ล้านบาท (+20% YoY, +9% QoQ) กำไร YoY, QoQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจาก 1) คาดรายได้รวมอยู่ที่ 398 ล้านบาท (+0.2% YoY, +15% QoQ) จากการขยายสาขา 7-11 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย ไตรมาส 4/63 คาด 7-11 ขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 187 สาขา QoQ เป็น 12,412 ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อยจาก COVID-19

อัพไซส์เพิ่มยอด

นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยหนุนจาก project upsize ขนาดแก้ว 16 oz. เป็น 22 oz. ซึ่งรับรู้รายได้จากการขายทั่วประเทศเป็นไตรมาสแรก, 2) คาด Gross profit margin ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 34.7% ปรับเพิ่มขึ้น +250 bps QoQ (3Q20 = 32.2%, 4Q19 = 30.9%) จากการปรับ product mix ที่มีสัดส่วน margin สูงเข้ามาขายเพิ่มขึ้น อาทิ การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มไร่ชาออแกนิค, 3) คาด SG&A to sale จะปรับตัวเพิ่มขึ้น +160 bps QoQ เป็น 17.8% จากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นทำให้บริษัทกลับมาโปรโมทสินค้าได้ปกติ

คงกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 188 ล้านบาท (+16% YoY) จากไตรมาส 4/63 คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้ Project upsize strategy (แก้วใหญ่ 22 ออนซ์) ของเครื่องดื่ม All café เต็มไตรมาส และเราคงกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 233 ล้านบาท (+23%YoY) โดยปีนี้ได้รวมสมมติฐานการขยายสาขา 7-11 ไปยังประเทศกัมพูชาและลาว มีรายได้จากทั้ง 2 ประเทศประมาณ 12 ล้านบาท

เปิดสาขาต่างแดน

โดยเบื้องต้นเราได้สมมติฐานการเปิดสาขาในกัมพูชา 100 สาขา และลาว 100 สาขา โดยช่วงเริ่มต้นคาดรายได้เฉลี่ยของ TACC/สาขา/ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 60,000 บาท (ปี 2564 ประเทศไทย รายได้เฉลี่ยของ TACC/สาขา/ปี =109,600 บาท) เรามีแนวโน้มปรับกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น หากมีความชัดเจนดีล M&A

ประเมินราคาเป้าหมาย TACC ที่ราคา 8.30 บาท อิง 2564 PER ที่ 21.6x (เทียบเท่า -0.75SD 5-yr average PER 31.2x) ขณะที่ความเสี่ยงคือ รายได้หลัก ณไตรมาส 3/63 ยังคงพึ่งพิงรายได้จาก 7-11 มากถึง 95% และการขยายสาขาของ 7-11 น้อยกว่าที่คาด