> SET > STARK

03 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 08:00 น.

STARKสายไฟแสนล้าน เล็งไฟฟ้า3หมื่นเมกทบ.

ทันหุ้น- STARK โอกาสคว้างานใหญ่ หลังกองทัพบกเซ็น กฟผ. ปั้นไฟฟ้า 3 หมื่นเมกะวัตต์ ชี้ต้องใช้สายไฟถึงแสนล้านบาท ระบุบริษัทมีศักยภาพเต็มเปี่ยม รับเหตุการณ์ในเมียนมา ทำให้เวียดนามเนื้อหอมขึ้น พร้อมเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจสายไฟเวียดนาม ดันกำลังผลิตปั๊มมาร์จิ้นเพิ่มแตะ 15% พร้อมตั้งเป้านิวไฮต่อปี 2564 เป้ารายได้โต 20%


นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยถึงกรณีที่ กองทัพบก และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ บนพื้นที่ในการดูแลของกองทัพบกที่มีศักยภาพ ประมาณ 3 แสนไร่นั้น รวมประมาณ 30,000 เมกะวัตต์นั้น หากคำนวณในแง่ของมูลค่าสายไฟที่จะต้องใช้เมกะวัตต์ละ 3 ล้านบาท จะมีมูลค่าการใช้สายไฟรวมสูงถึงแสนล้านบาท ซึ่งบริษัทในฐานะผู้ผลิตสายไฟขนาดใหญ่ในภูมิภาคมีโอกาสที่จะซัพพลายสายไฟในโครงการดังกล่าวอยู่แล้ว


ส่วนสถานการณ์ที่กองทัพยึดอำนาจในเมียนมานั้น อาจจะทำให้เอกชนที่ลงทุนด้านโรงไฟฟ้าสะดุด เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในด้านของสถานะการเงินในเมียนมา และอาจจะมีการซื้อไฟจากประเทศไทย ดังนั้นก็ต้องดูว่าจะมีการตั้งสายส่งเข้าไปในช่องทางไหน


เช่นเดียวกับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเข้ามาลงทุนในเมียนมาสะดุดลง และหันไปสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคโดยเฉพาะเวียดนาม แต่เชื่อว่าประเด็นการย้ายเงินลงทุนจากเมียนมา มาสู่ประเทศอื่นนั้น ด้วยประเด็นนี้จะไม่ได้มาก เนื่องจาก เมียนมา ยังไม่ใช้เป้าหมายการลงทุนทางตรงมากนัก แต่จะเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพว่า เวียดนาม คือ ประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน ซึ่งในฐานะที่บริษัทมีฐานผลิตสายไฟและเคเบิ้ลในเวียดนามก็จะได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่น และการเร่งเดินหน้าก่อสร้างสาธารณูปโภค โดยเฉพาะไฟฟ้า ซึ่งในส่วนของเวียดนามนั้นปีนี้จะปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกมาก


@ ปักธงโต 20% ทุบนิวไฮ


สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 15-20% จากปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากรายได้หลักคือ ธุรกิจสายไฟฟ้า และสายเคเบิล มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไปพร้อมกับอุตสาหกรรม ซึ่งจาก แผนการลงทุน 5 ปี (2563-2567) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว 2 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนพัฒนาระบบส่ง และจำหน่ายไฟฟ้า และแผนสนับสนุนการลงทุนโรงไฟฟ้าจากต่างชาติของรัฐบาลเวียดนาม เพื่อจะได้มีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่บริษัทฯ มีโรงงานทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งทั้งสองประเทศที่มีการเติบโตและความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในอาเซียนตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับ บริษัทอดิสรสงขลา ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 20% จากปีก่อนด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นการขายสินค้าในกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) ที่มีการเติบโตสูง เพื่อรองรับโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน พร้อมกับการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ (Lean management) และการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัทอย่างมีระบบ (Integrated Supply Chain Management) อีกด้วย


@ เวียดนามมาร์จิ้นพุ่ง


ด้าน นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นทั้งในเชิงของรายได้ และมาร์จิ้น เนื่องจากบริษัทได้เข้าไปปรับปรุงประสิทธิภาพโดยการเพิ่มความเร็วในกำลังการผลิต ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 20% และบริษัทเชื่อว่าจะใช้กำลังการผลิตจากในระดับ 45-50% ขึ้นเป็น 55% โดยบริษัทเชื่อว่าเฉพาะการประหยัดต่อขนาดนั้นจะส่งผลให้มาร์จิ้นของบริษัทในเวียดนามขยับเพิ่มขึ้นอีก 1-2% จาก 13% เป็น 14-15% ซึ่งหากเทียบกับรายได้ระดับหลายพันล้านก็นับว่าจะได้มาค่อนข้างมาก โดยตั้งเป้าจะใช้กำลังการผลิตเป็น 70% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมาร์จิ้นจะขึ้นไปแตะ 18% ทั้งนี้ยังไม่รวมกรณีราคาทองแดงขยับขึ้น หรือการดำเนินงานการลดต้นทุนด้านอื่น


"บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิลรวม 2.2 แสนตันต่อปี โดยแบ่งเป็นไทยและเวียดนาม 50-50% ซึ่งไทยใช้กำลังการผลิตไป 60-70% ส่วนเวียดนามใช้กำลังการผลิต 45-50% เท่านั้น ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ จึงจะเพิ่มความเร็วในการผลิตส่วนของโรงงานเวียดนาม หลังจากที่ได้บูรณาการ 2 โรงงานเข้าด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้โรงงานเวียดนามเกิดการประหยัดต่อขนาด และสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้บริษัทฯต่อไป” นายประกรณ์ กล่าว


โดยปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การขยายโครงการรถไฟฟ้า การอัพเกรดขนาดสายไฟ เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชน การพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้า เป็นต้น


ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานของโครงการภาครัฐ และเอกชน ทั้งงานในประเทศไทย และเวียดนาม โดยคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการเตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนบุกตลาดสหรัฐฯ ผ่านทั้งบริษัทไทย และบริษัทในเวียดนาม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต หลังจากจีนได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านกำแพงภาษี ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการเข้าไปขยายตลาดเพิ่มขึ้นอีกด้วย

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X