> SET > OR

01 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 14:52 น.

เรื่องต้องรู้! OR เส้นตายจองเที่ยงพรุ่งนี้...เสี่ยยักษ์เตือนอย่าคิดว่าหุ้นง่าย!

เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง การเปิดจองหุ้น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)  หรือ OR ที่เริ่มเปิดจองตั้งแต่ 24 มกราคมที่ผ่านมา จะสิ้นสุดในเที่ยงวันพรุ่งนี้ หรือ  2 กุมภาพันธ์ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้รับการจองอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ 


1. นักลงทุนยังสามารถจองได้ผ่าน   

ธนาคาร "กสิกรไทย"  จองซื้อผ่านเว็บไซต์ ได้ที่ https://www.kasikornbank.com/kmyinvest  และชำระเงินด้วย Mobile Banking ของธนาคารกสิกรไทย (KPLUS) 

ธนาคารกรุงเทพ ซื้อผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking 

ธนาคารกรุงไทยที่ https://moneyconnect.krungthai.com/

โดยผู้จองต้องมีบัญชีของธนาคารดังกล่าวก่อนจอง เส้นตายการจองและชำระเงิน 12.00 น. ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์


2. จำนวนหุ้นที่จัดสรรให้รายย่อยนั้น ขยับเพิ่มขึ้นจาก 595.70 ล้านหุ้น มาเป็น 1,036.94 ล้านหุ้น หรือ เพิ่มขึ้นรวมกว่า 441 ล้านหุ้น 


3. สัดส่วนที่จัดสรรให้รายย่อยที่เพิ่มขึ้นมา 441 ล้านหุ้น นำมาจาก หุ้นจาก 4 กองทุนต่างประเทศจำนวน 51.24 ล้านหุ้น และ นำหุ้นส่วนเกิน หรือ กรีนชู ที่จะใช้เพื่อรักษาระดับของราคาหลักทรัพย์ จำนวน 390 ล้านหุ้น มาจัดสรรให้รายย่อย ทำให้ไม่มีกรีนชูพยุงในการซื้อขาย OR 


4. หากจำนวนผู้จองไม่เกิน 1 ล้านหุ้น จะได้รับจัดสรร ขั้นต่ำ ราว 1,000 หุ้น  


@ เสี่ยยักษ์เตือนอย่าคิดว่าหุ้นง่าย


นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ เสี่ยยักษ์ ได้โพสต์ผ่านแฟนเพจ พ่อสอนลุกลงทุน ในหัวข้อ  “...เป็นห่วงมือใหม่ที่ได้หุ้น PTTOR...” โดยระบุว่า อาทิตย์ที่แล้วป๊าเล่าจินตนาการว่าควรจองหุ้น OR ไหม หลังจากผ่านการแย่งกันจองหุ้น OR ไปแล้วประมาณอาทิตย์นึง ป๊าสรุปคาดเดาเอาว่า น่าจะมีคนจองประมาณ 400,000 คน จำนวนหุ้นOR ที่จะมาขายทั้งหมดที่กระจายให้รายย่อย 19,000 ล้านบาท ความหมายเท่ากับว่าจะได้เฉลี่ยคนละ 47,500 บาท  หรือประมาณเฉลี่ยคนละ 2,600 หุ้น (อันนี้เป็นการคาดเดานะครับ) จากนี้คนมีหุ้นรอวันซื้อขายครับ ตอนนี้คาดว่าเป็นวันเทรดวันแรกคือวันที่ 11 ก.พ. และป๊าคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้ครับ 


ที่เป็นห่วงต่อมาจริงๆคือ “คนที่ไม่เคยลงทุน หรือว่างๆจากการตกงาน และคนที่พึ่งเข้ามาในตลาดหุ้น“ หลายๆคนชิมกำไรมาแล้ว มีการเปิดบัญชีทิ้งไว้อยู่แล้ว เลยคิดว่าจะมาเอาตลาดหุ้นเป็นช่องทางหาเงิน “เหมือนป๊าในอดีต” ที่ก้าวเข้ามาในตลาดหุ้น ย้อนกลับไป ป๊าจะเล่าสาเหตุที่ป๊าเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อประมาณกว่า 30 ปีที่แล้ว


- ป๊าจบคณะเกษตรศาสตร์ ที่ มช. ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลย บังเอิญได้หุ้นจองมาตัวหนึ่งเพราะญาติแบ่งให้ ใช้เงินจอง 500,000บาท ผ่านมาไม่นานขายได้ 700,000บาท กำไร200,000บาท ในใจคิด “โลกมันมีแบบนี้ด้วยเหรอ” มันมีวิธีการหาเงินแบบนี่ด้วยกรอ


- หลังจากนั้น ป๊ารู้สึกชอบ วิธีการหาเงินแบบนี้มันถูกจริตป๊า ป๊าไปซื้อหนังสือมาตั้งหนึ่งที่สอนเรื่องการลงทุน อ่านทุกอย่างที่มีคำว่า “หุ้น”


- มีเล่มหนึ่งสอนว่า หุ้นมันมีรอบของมัน เราต้องรอ ให้ฟองสบู่แตก แล้วเริ่มต้นใหม่พร้อมๆกัน


- ป๊ารออยู่ 4 ปี ซุ่มฝึกวิทยาวุธ  จนเกิด BLACK MONDAY อ้ายหนุ่มลูกทุ่ง เดินทางมาจากอยุธยา กำเงินสดมา 2.5ล้าน คิดว่า “ง่ายๆ” ผ่านมาหนึ่งปี คนอื่นที่มีประสบการณ์ เขากำไรกัน แต่ป๊าเจ๊ง ไป 500,000บาท


- นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถึงแม้เตรียมตัวมาอย่างดี ศึกษาอย่างดี รอเวลามาอย่างดี แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์  “แพ้ได้นะครับ”


ที่ป๊าออกมาเล่าให้ฟังเพราะป๊าไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำซาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคนชนะในตลาดหุ้น มีสัก 10 คน ใน 100 คน สมมุติถ้าคุณได้กำไรจากหุ้น OR เป็นหุ้นตัวแรกๆในพอร์ทของคุณ อย่าคิดว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มันง่ายนะครับ ป๊าพูดอยู่ตลอดคือ “ตลาดหุ้นมันคือสงคราม”


@ ไม่ต้องกลัวถ้าต่ำจอง

 

ด้าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคณค่า ระบุว่า การที่กองทุนต่างชาติไม่ซื้อหุ้นจำนวน 51 ล้านบาท อาจจะเป็นเพราะว่า กองทุนดังกล่าว อาจจะต้องการลงทุนหุ้นแห่งอนาคต ประกอบกับจังหวะที่ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงแรง ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนใจ ดังนั้นเมื่อ 4 กองทุนต่างชาติไม่สนใจก็ต้องขายให้กับคนที่สนใจ แต่มองว่าหุ้นไม่น่าจะต่ำจอง แม้ว่า จะไม่มีกรีนชูแล้วก็ตาม และมองว่าธุรกิจน้ำมันยังอยู่ในช่วง 10 ปีขึ้นไป โดยมองว่าหุ้น OR เป็นหุ้นปัจจุบัน ไม่ใช่หุ้นแห่งอนาคต และหุ้นโลกอดีตที่ถูกดิสรัป


ขณะที่ นายทิวา ชินธาดาพงศ์ นักลงทุนหุ้นคุณค่า ระบุว่า ด้วยราคาจองที่ 18 บาท นั้น มองว่า เป็นราคาที่ไม่แพง ดังนั้น ถ้าหุ้นจองร่วงลงมากลุ่ม VI น่าจะเห็นเป็นโอกาสเข้าซื้อมากกว่า อย่างไรก็ดีจากการศึกษาพบว่า รถน้ำมันยังคงขายในระดับหลายแสนคันต่อปี แต่รถ EV ที่จะมาดิสรัปนั้น ขายระดับ 5,000 คันต่อปี แม้จะมากขึ้น แต่สัดส่วนการขายรถใหม่ในช่วง 5 ปีจากนี้ก็ยังน้อยกว่ารถน้ำมัน ประกอบกับรถน้ำมันของไทยมีอายุการใช้งานที่ยาวนานนับ 10 ปี ดังนั้น ธุรกิจน้ำมันจึงถูกดิสรัปไม่ง่าย 


อย่างไรก็ดีหากมีการใช้รถไฟฟ้าเยอะขึ้นเชื่อว่าปั๊มน้ำมันจะค่อยๆ ทรานฟอร์มได้  แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือธุรกิจค้าปลีกอย่าง กาแฟ อเมซอน ที่แม้จะเกิดโควิดก็ยังมียอดขายจำนวนแก้วเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นดี ประกอบกับปีนี้ เชื่อว่าคนจะเดินทางมากขึ้น มองว่าหุ้น OR ในระดับราคาจองนั้นน่าสนใจ ถ้าต่ำจองก็เป็นโอกาสซื้อเพิ่ม เพราะนักลงทุน VI หลายรายก็ได้หุ้นในจำนวนเหมือนประชาชนผู้จองทั่วไป




จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X