ทันหุ้น –ORI ร่วมทุน JWD ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ รุกอสังหาด้านโลจิสติกส์ คลังสินค้าอัจฉริยะ รองรับอีคอมเมิร์ซที่เติบโตแรง เพิ่มโอกาสทำเงินต่อเนื่อง เน้นพื้นที่สุวรรณภูมิ แหลมฉบัง คาดเริ่มรับรู้รายได้ปลายปีนี้ จับตามีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหา ทั้งลดภาษีที่ดิน ลดค่าธรรมเนียมการโอน เชื่อเป็นบวกต่อทั้งกลุ่ม

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่าล่าสุดบริษัทและ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ร่วมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัท ออริจิ้น เจดับเบิ้ลยูดี อินดัสเทรียล แอสเซท จำกัด เพื่อดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งในส่วนของคลังสินค้าอัจฉริยะที่เป็นสมาร์ทแวร์เฮ้าส์ ซึ่งขณะนี้มีความต้องการใช้งานจำนวนมาก สอดคล้องกับการเติบโตอีคอมเมิร์ซ

*ร่วมทุนบิ๊กโปรเจ็กต์

ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นการให้บริการในพื้นที่สุวรรณภูมิ แหลมฉบัง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการส่งสินค้า คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในช่วงปลายปีนี้ แต่ทั้งนี้จะมีการแถลงแผนงานร่วมกันอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2564 นี้ โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าว จะมีบริษัท วัน ออริจิ้น (บริษัทย่อยของ ORI) ถือหุ้น 49.98%

“การร่วมทุนดังกล่าวต้องบอกเลยว่า เป็นระดับบิ๊กโปรเจคแน่นอน เพราะว่าบริษัทก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหา การดูเรื่องที่ดิน และ JWD ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างมากในเรื่องของโลจิสติกส์ หรือโลจิสติกส์เซอร์วิซซึ่งการมารวมกันนั้นจะทำให้เกิดการต่อยอดได้อย่างมาก มีประโยชน์มากขึ้นไปอีก แต่บริษัทจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวถึงความร่วมมืออีกครั้งช่วงเดือนมีนาคมนี้จะเห็นภาพการทำงานรวมกันชัดเจน แต่ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาในปลายปีนี้เลย” นายพีระพงศ์ กล่าว

*กระตุ้นรัฐช่วยอสังหา

นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงธุรกิจหลักการพัฒนาอสังหาริมทรัยพ์ นั้นสำหรับปีคาดว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสจะเห็นการฟื้นตัวขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจรวมไปถึงการที่จะมีวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 นอกจากนี้สัปดาห์นี้จะมีเรื่องมาตราอสังหาริมทรัพย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการออกมาทั้งในส่วนของการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะลดให้ 90% หรือ ชำระ 10 % และลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01%

มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นตลาดอสัหาริมทรัพย์ได้ ส่วนแผนงานปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่ายอดขาย(พรีเซล)จะเติบโต 10% จากปีก่อนทำยอดขายได้ราว 25,600 ล้านบาท และยังเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่าประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 2.85 พันล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรปกติจะอยู่ที่ 2.7พันล้านบาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งจะดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มมากจากที่ประเมินว่าจะปรับตัวลง ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรสุทธิไตรมาส 4/2563 จะยังคงโดดเด่นและสูงสุดของปี เนื่องจากจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้นเป็น 6 โครงการ

*คอนโดรอโอน 8 โครงการ

สำหรับปี 2564 ประเมินกำไรปกติที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโต 20% ยังคงเติบโตดีกว่าคาเฉลี่ยกลุ่มที่เติบโต 18%จากปีก่อน จาก Backlog ที่รอโอนปี 2564ที่สูงถึง 66% จากยอดโอนที่ประเมินแล้ว ซึ่งจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอน 8 โครงการ รวมถึงรายได้จากโครงการแนวราบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น

ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมาย 10.00 บาท โดยอิง PER ปี2564  ที่ 7.8 เท่า (5-yr average PER) โดยมี Key Catalyst จากแนวโน้มกำไรที่จะสดใส โดยมีจาก Backlog ที่สูง และจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้น ด้านกำไรปกติปี 2563-2564 จะเติบโตได้ดีกว่ากลุ่ม ขณะที่ Valuation ยังถูกสุดในกลุ่ม โดยเทรดที่ PER ปี 2564 ที่ 6.2 เท่า ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยกลุ่มที่ 10.2 เท่า