ทันหุ้น – KUN ขึ้นแท่นหุ้นปันผล เล็งจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง หลังจากปี 2563 จ่ายไปแล้ว 2 ครั้ง ด้านแม่ทัพหญิง “ประวีรัตน์ เทวอักษร” แย้มตุนที่ดินพร้อมพัฒนายาว 5 ปี เดินหน้าผุดโครงการทิศที่ 3 มูลค่า 2.8 พันล้านบาท คาดเริ่มรับรู้รายได้ปี 2564 ส่วนปีนี้หวังดันผลงานเติบโต 15% โชว์โครงการพร้อมขาย 2.3 พันล้านบาท

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทมีแผนที่จะรักษาฐานอัตรากำไรให้เติบโตในระดับที่ดี อีกทั้งจะพยายามดูแลผู้ถือหุ้น โดยการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งปี 2563 บริษัทจ่ายปันผลไปจำนวน 2 ครั้ง ครึ่งปีแรกคือการจ่ายปันผล ของผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2562 และครั้งที่สองคือช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ปี 2564 บริษัทจะพยายามผลักดันการจ่ายปันผลให้เกิดขึ้นเหมือนกับปีที่ผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ

ผุดโครงการทิศ 3

ขณะที่การดำเนินงานปี 2564 บริษัทจะเดินหน้าลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เพื่อผลักดันการเพิ่มกำไรให้เติบโตสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทจะผลักดันการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทิศทางที่ 3 หรือทิศใต้ของกรุงเทพฯ ให้เกิดขึ้นภายในปี 2564 หากเป็นไปตามแผน โครงการดังกล่าวจะถูกรับรู้รายได้ในปี 2565 และจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด เบื้องต้นคาดมูลค่าโครงการทิศทางที่ 3 จะอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท

ทั้งนี้แผนการพัฒนาโครงการทิศที่ 3 จะต้องนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นในเดือนพฤษภาคม 2564 เพื่ออนุมัติการลงทุน และหากได้รับการอนุมัติแล้วคาดจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ทันที เนื่องจากบริษัทดูพื้นที่สำหรับพัฒนาโครงการเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเพื่อรอพัฒนาโครงการได้ถึง 5 ปี

สำหรับรายได้ปี 2564 บริษัทคาดจะยังเติบโตได้ 15% จากปัจจุบันมีโครงการที่รอขาย และรับรู้รายได้ 2.3 พันล้านบาท จากโครงการทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่ารวม 5.4 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทวางแผนจะเปิดโครงการใหม่ภายในไตรมาส 3/2564 จำนวน 1 โครงการ แทนโครงการเก่า โดยมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 500 ล้านบาท

เกาะนโยบายรัฐ

ขณะเดียวกันบริษัทบริษัทจะจับตาดูนโยบายจากรัฐ เกี่ยวกับนโยบายขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากปีที่ผ่าน โดยจะลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% และลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือ 0.01% หากบริษัทมีคุณสมบัติตรงกับนโยบาย คาดจะช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมการโอนลดลงได้ค่อนข้างมาก

นางประวีรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัทใช้ปรับกลยุทธ์สื่อออนไลน์เต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถให้ลูกค้าที่สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการ เดินทางมาชมโครงการได้ โดยบริษัทจัดสรร นัดหมายเวลาลูกค้าเพื่อลดความแออัด และใช้การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ทั้งนี้ในปี 2563 จำนวนผู้เข้าชมโครงการเพิ่มขึ้นเกินคาด จากเดิมบริษัทตั้งเป้ายอดผู้เข้าชมโครงการที่ 1.6 พันคน ขณะที่สิ้นปี 2563 มีจำนวนผู้เข้าชมโครงการที่ 1.8 พันคน

สำหรับทิศทางยอดปฏิเสธสินเชื่อปี 2564 บริษัทตั้งเป้าจะไม่เกิน 30% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น จากปี 2563 คาดจะมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 25% เนื่องจากคาดว่าสถาบันทางการเงินจะคุมเข้ม และออกนโยบายปล่อยสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยยากขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อมีแนวโน้มตัวเลขปรับตัวสูง