> SET > EPG

08 มกราคม 2021 เวลา 08:30 น.

EPGรับซื้ออาหารกลับ ยอดกล่องพลาสติกพุ่ง

ทันหุ้น – EPG รับอานิสงส์ รับเทรนด์ซื้ออาหารกลับบ้าน-เดลิเวอร์รี่โตแรง หนุนยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหารกระฉูด บิ๊ก "รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์" ปรับแผนรับมือโควิด แบ่งทีมสลับทำงาน แยกโซนการผลิต หวังป้องกันความเสี่ยงในอนาคต พร้อมฟุ้งผลงานงวดบัญชีปี 2564 รายได้โตทะลุเป้า 9 พันล้านบาท รับยานยนต์-EPPโตเด่น


รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า จากประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19) ที่เกิดในปัจจุบันนั้นส่งผลให้แนวโน้มประชาชนส่วนใหญ่หันมาเน้นการซื้ออาหารกลับมาทานบริโภคที่พักอาศัยและการส่งอาหารแบบส่งถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนให้ยอดขายบรรจุภัณฑ์อาหาร (สินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร (EPP))โดยเฉพาะเฉพาะกล่องข้าวพลาสติกขยายตัวมากขึ้น


ส่วนในแง่การบริหารจัดการของ EPG เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้นล่าสุดได้แบ่งทีมพนักงานบางส่วนให้ทำงานที่บ้าน (Work From Home) สลับกันและบางส่วนทำงานที่บริษัท พร้อมทั้งได้มีการออกมาตรคัดกรองและแบ่งโซนในส่วนของสายผลิตต่างๆ แยกออกจากกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ตลอดจนขอความร่วมมือพนักงานไม่ให้เดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต


อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลล่าสุด พบว่า สัดส่วนรายได้ของ EPG แบ่งเป็น กลุ่มสินค้าในส่วนของ "AEROKLAS" เกือบ 50%, กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารราว 26%ส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ "AEROFLEX"


*ปีนี้รายได้ทะลุ 9 พันล.


ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการงวดบัญชีปี 2564 (เม.ย. 63- มี.ค.64) บริษัทประเมินว่ารายได้น่าะจะเติบโตมากกว่าที่เป้าที่ตั้งไว้ราว 9 พันล้านบาท เพราะคำสั่งซื้อ (ออเดอร์ในส่วนต่างๆ ขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ "AEROKLAS" ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน หลังลูกค้าหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง แทน "รถสาธารณะ" มากขึ้น หวังหลีกเลี่ยงและป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID 19


พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้มีการนำนโยบายลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือ“USE” (U: Utilization การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า S:Save การประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiencyการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน) มาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือปีนี้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น


*ลดงบลงทุนเหลือ 589 ล.


นอกจากนี้ ทาง EPG ได้ตั้งงบลงทุนงวด 3ปีนับจากนี้ (งวดบัญชีปี 64-66) ให้เหลือประมาณ 589 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในกลุ่ม "AEROFLEX" อยู่ที่ 376 ล้านบาท, เงินกลุ่มธุรกิจธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ราว 145 ล้านบาท, กลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารอีก 68 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินของธุรกิจโดยรวมให้ดีขึ้นและสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทางหนึ่ง


ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลนั้น บริษัทมองคงไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาทาง EPG ได้มีการสำรองวัตถุดิบประเภทเม็ดพลาสติกในช่วงที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงค่อนข้างมากไว้แล้วล่วงหน้า


*เป้าใหม่ 9.50 บาท


ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น EPG โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 9.50 บาท จากเดิมที่ระดับ 5.90 บาท เพื่อสอดคล้องกับการปรับประมาณการกำไรงวดบัญชีปี 2564-2565ขึ้นอีกปีละราว 18-25% เพราะรายได้รวม และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีกว่าฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X