ทันหุ้น- STARK ดีดรับลูก STARK-W1 เตรียมเข้าเทรด 15 ม.ค.นี้ ชี้อนาคตยังอีกไกล เข้าธีมเมกะเทรนด์ มั่นใจคนถือวอแรนท์คุ้มค่าแปลงในอนาคต ชี้อีก 2 ได้เงินอีก 2 หมื่นล้านบาทดันธุริกจต่อ ระบุงานเข้าเพียบ ทั้งไทย เวียดนาม พร้อมเดินหน้าเปิดตลาดสายไฟในสหรัฐแล้ว

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (วอแรนต์) ของบริษัทรุ่นที่ 1 (STARK-W1) จะเตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 15 มกราคมนี้ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วย อายุ 4 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5 บาท กำหนดระยะเวลาใช้สิทธิเมื่อครบ 2 ปีนับจากวันที่ออกวอแรนต์ โดยขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิ(XW) STARK-W1 ไปตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563

นายชนินทร์ ระบุว่า การที่บริษัทออก STARK-W1 จะส่งผลดีในอนาคต ที่บริษัทจะมีเงินทุนรองรับการเติบโตในอีก 2ปีข้างหน้า โดยประเมินว่าจะได้รับเงินเข้ามาอีกราว 2หมื่นล้านบาทหากมีการแปลงสภาพหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยบริษัทยังคงแนวทางในการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการหาดีลและเข้าซื้อกิจการ และเมื่อเงินทุนเข้ามาจะทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงไปอีก

@ อนาคตไกลSTARK-W1คุ้ม

ขณะเดียวกันในมุมของนักลงทุนนั้น ก็จะได้รับผลดีจาก STARK-W1 โดยเฉพาะในด้านของมูลค่าการจากถือครอง โดยมีราคาแปลงสิทธิใน 2 ปีข้างหน้าเพียงแค่ 5บาท ซึ่งเป็นราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตของบริษัทในอนาคต ที่ดำเนินธุรกิจเมกะเทรนด์

ทั้งในส่วนของสายไฟที่มียอดขายสูงสุดในระดับภูมิภาค จากบริษัทในไทย และ บริษัทเวียดนาม ซึ่งมาจากการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบรับกับการใช้กระแสการใช้ไฟฟ้าในอนาคตทั้งในไทย เวียดนาม และต่างประเทศ ขณะเดียวกันในส่วนของการส่งออกนั้น ล่าสุดบริษัทได้ส่งออกไปยัง สหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ เพื่อที่จะทดแทนสายไฟจากประเทศจีนที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีที่สูงถึง 25% ทำให้สายไฟไทยมีราคาถูกกว่า โดยตลาดสหรัฐนับเป็นตลาดที่ใหญ่ ดังนั้นการเมื่อสามารถเจาะตลาดได้แล้วแล้วการกระจายสินค้าต่างๆ จะมีโอกาสอีกมาก ขณะเดียวกันขณะนี้บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจารับงานขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

สำหรับรอบปี 2563 ที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างผลงนได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการเติบโตในช่วงไตรมาส 4/2563 ที่มียอดขายสูง และโมเมนตัมยังคงต่อเนื่องมาในปี 2564 ที่จะมีการเติบโตอีก ทั้งในด้านของรายได้ และ กำไร โดยมีแนวโน้มมาร์จิ้นที่สูงขึ้น จากการเข้าไปบริหารจัดการต้นทุนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากเข้าซื้อบริษัทสายไฟในเวียดนามเมื่อปีที่ผ่านมา อาทิ ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนการผลิต

@แจงเหตุหุ้นผันผวน

สำหรับความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้น นายชนินทร์ ระบุว่า ที่ผ่านมายังมีคนไม่เข้าใจว่า การที่ STARK ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก บริเวณ 2.60 บาท เป็น 5บาทกว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม 2563นั้นเป็นเพราะว่า เกิดจากการรวมพาร์ทำให้จำนวนหุ้นลดลงครึ่งหนึ่ง ราคาจึงขยับขึ้นทันที ส่วนการร่วงลงมาในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ก็เกิดจากการขึ้นเครื่องหมาย XW ซึ่งนักลงทุนที่ถือเพื่อรับ STARK-W1 ก็น่าจะคุ้มค่า ซึ่งบริษัทได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าเข้า SET50 และ MSCI ที่ผ่านมาวอลุ่มการซื้อขายของบริษัทก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก