ทันหุ้น - JMTเคาะเป้าปี 2564 ผลงานโต 30% จากปี 2563 รับบริหารหนี้พุ่ง-ประกันหนุน แถม Q4/2563 ฟอร์มแจ๋ว รับยอดเก็บหนี้พุ่ง พร้อมเดินหน้าสอย NPL ใหม่ต่อเนื่อง อัพฐานเพิ่มจากเดิมราว 1.9 แสนล้านบาท กินยาวได้มากกว่า 10 ปี ด้านโบรกเกอร์ ชูสตอรี่เด่น-อนาคตไกล
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าผลงานจะเติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจการบริหารจัดการหนี้เสีย (NPL) ยังขยายตัวต่อเนื่อง นอกเหนือ จากธุรกิจประกันภัยและอื่นๆ ที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ JMT แบ่งเป็น ธุรกิจการบริหารพอร์ตหนี้เสีย (NPL) และการรับจ้างติดตามหนี้อยู่ที่กว่า 80% งานติดตามหนี้ 12% ธุรกิจประกันภัยอีกราว 8% โดยหากจำแนกธุรกิจบริหาร NPL นั้นในขณะนี้มีอยู่ราว 1.91 แสนล้านบาท จากทั้งหนี้ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกันเฉพาะซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10 ปีนับจากนี้
โค้งท้ายฟอร์มสวย
ขณะที่ปี 2563 บริษัทยังคงเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีกำไรราว 681ล้านบาท หลังธุรกิจมีแนวทางในการขยายพอร์ตบริหาร NPL จากสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมส่งผลให้รายรับจากส่วนดังกล่าวขยับสูงขึ้น นอกเหนือ จากธุรกิจประกันภัยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ
ส่วนทิศทางผลงานในไตรมาส 4/2563 บริษัทประเมินว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการหนี้เสียขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจในส่วนอื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งธุรกิจยังบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชูสตอรี่เด่น
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น JMT เนื่องจากทางฝ่ายวิเคราะห์เห็นการเติบโตของ JMT ยังดีและแข็งแรง หลังตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 อยู่ราว 283 ล้านบาท เติบโต 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดีกว่าคาด 17% มาจากทั้งยอดเก็บเงินสดเท่ากับ 985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากฟื้นตัวได้ตามกิจกรรมเศรษฐกิจและพอร์ตหนี้ (Investment) 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
และที่น่าสนใจคือเป็นเงินสดที่มาจากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด (Revenue 100%) จึงสามารถบันทึกรายได้-กำไรทางบัญชีได้ก้าวกระโดด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 70% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ราว 36% ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกันส่งผลให้กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 2563 คิดเป็น 82% ของประมาณการเดิม
อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนอัตรากำไรที่ดีขึ้นพัฒนาการบวกที่มากกว่าคาดนั้นเป็นผลมาจาก สัดส่วนยอดเงินสดที่ไม่มีต้นทุน (Revenue 100%) ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 24% จากในอดีตเฉลี่ย 10-15% ของยอดเก็บเงินสดรวม เป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด (Fully Amortized) ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จะทำให้ GPM ยืนในระดับสูงและเติบโตได้อีกจาก 59% ในปีนี้เป็น 62% ในปี 2564 ซึ่งจะสะท้อนลงอัตรากำไรสุทธิ (NPM) เช่นกัน
โดยฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรปี 2563 ไว้ราว 997 ล้านบาท และประเมินว่ากำไรน่าจะขยายตัวต่อเนื่องอีก 32% ในปี 2564 เป็นไปตามการเดินหน้าขยายพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพ
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งทาง JMT ยังรักษาการเติบโตปี 2564 ได้ในระดับที่สูง ทำให้ JMT สมควรที่จะซื้อขายในระดับที่มี premium สูงกว่าตลาดและกลุ่มบริหารหนี้ฯด้วยกัน ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม Growth stock ก่อนเข้าสู่ Earnings play จะเริ่มขึ้นรอบใหม่
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม