ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1490 จุดตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากถูกขายทำกำไรที่แนวต้าน 1500 จุดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1460 จุด ในขณะที่แนวโน้มในระยะสั้นยังอยู่ระหว่างการปรับฐานหลังจากทดสอบแนวต้านที่ 1500 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจบริษัทพลังงานแบบครบวงจร โดยสร้างการเติบโตครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซ) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน
บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 516 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.102 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ที่ขาดทุนสุทธิ 40 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.008 บาท
ในขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 63 ขาดทุนสุทธิ 1,318 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.26 บาท พลิกกลับมาขาดทุน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,002 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.194 บาท
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 470 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,739 ล้านบาท) โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 146 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 103% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม จากการลดลงของปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก แม้จะมีการอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้บริษัทยังมีผลขาดทุน 16 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานดังกล่าวสะท้อนประสิทธิภาพของการดำเนินมาตรการลดต้นทุน และบริหารงบลงทุนอย่างรัดกุมตั้งแต่ต้นปี โดยในสามไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทเดินหน้าเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตในพอร์ตธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งความคืบหน้าในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับราคาก๊าซธรรมชาติที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งทยอยส่งมอบโซลูชันด้านธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานในไตรมาส 3/63 บริษัทยังคงเน้นมาตรการลดต้นทุนการผลิตของเหมืองในทุกประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านอุปสงค์และราคาตลาดที่อ่อนตัวลง ในขณะเดียวกัน ได้ต่อยอดกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โดยมุ่งขยายธุรกิจต้นน้ำ เน้นมองหาโอกาสเพิ่มเติมในการลงทุนที่สามารถสร้างพลังร่วม (synergy) กับแหล่งก๊าซธรรมชาติ 2 แหล่งที่มีอยู่ ในจังหวะราคาซื้อขายที่ต่ำลง รวมทั้งมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจกลางน้ำ เช่น ท่อส่งและระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการผลิตของแหล่งก๊าซที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทได้อย่างมั่นคง
ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าเอชพีซีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น รวมถึงการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ยังคงเป็นไปตามแผน
สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้การดำเนินงานของ 'บ้านปู เน็กซ์' รุดหน้านำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ และใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น โดยร่วมกับภูเก็ต พัชทรี ทัวร์ นำเรือ 'บ้านปู เน็กซ์ อีเฟอร์รี่' (Banpu NEXT e-Ferry) เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย รวมทั้งผลักดันสมาร์ทโมบิลิตี้ (Smart Mobility) อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (Smart City)
ล่าสุด โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ ในญี่ปุ่น 7 MW เริ่ม COD โรงไฟฟ้าดังกล่าว ตั้งอยู่ ณ จังหวัดฟูกูชิมะ มีกำลังการผลิตรวม 7 เมกะวัตต์ (MW) ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ บริษัท Tohoku Electric Power Co., Inc. เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยมีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ชุมชนราว 1,700 ครัวเรือน และได้รับการตั้งชื่อ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Sawadee Yabuki Hatsudensho
Banpu Next ซึ่งมี BPP และบมจ.บ้านปู (BANPU) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% นั้น มีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 17 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนที่ลงทุนรวม 240 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วตามสัดส่วนที่ลงทุน 87.89 เมกะวัตต์
บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภมูภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 โดยเน้นการลงทุนในตลาดที่มีความเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล
BANPU มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 7.66 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 8.80 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 6.10 บาท
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 10.00 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 10.40 และ 11.00 เป็นแนวต้านสำคัญ ในขณะที่การปรับฐานในระยะสั้นจะมีแนวรับที่ 9.20 และ 9.00 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 8.80 ลงไป ราคาห้นุจะมีแนวรับถัดไปที่ 8.00
สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม