> SET >

02 ธันวาคม 2020 เวลา 07:30 น.

SETแตะเบรกธ.ค. เฟ้นหุ้นโตดียังไม่วิ่ง

ทันหุ้น- ตลาดหุ้น ธ.ค. ชะลอความร้อนแรงมองขึ้นมามากแล้ว บล.ไทยพาณิชย์ ยกสถิติ ธ.ค. ปรับขึ้นไม่มาก หวั่นขาลง ด้านบล.ทรีนีตี้ ชี้หุ้นเติบโตจะกลับมาเป็นที่หมายปอง เปิดโผหุ้น เติบโตดี ราคาไม่สูง PEG ต่ำ ด้านบล.ฟินันเซียไซรัส จัดหุ้น Laggard ขณะที่เอเชียพลัสมองฟันด์โฟลว์หนืดช่วงนี้ แต่ระยะกลาง-ยาวเข้าต่อ


นายณัฐชาติ เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนสุดท้ายจะชะลอการปรับขึ้น หลังจากวิ่งแรงขึ้นมาโดยเฉพาะหุ้นใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนถึง 25% ดังนั้นจึงคาดว่าดัชนีจะมีแนวต้านที่ระยะสั้นบริษัทเวณ 1,450-1,460 ส่วนแนวต้านสำคัญคือระดับ 1,500 จุด ซึ่งเป็นกรณีดีสุดหากเม็ดเงินทุนยังไหลเข้าอย่างแรง ขณะที่แนวรับของดัชนีจะอยู่ที่ 1,400 จุด และแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,330-1,350 จุด แนะนำสำหรับนักลงทุนที่ชะลอการลงทุนได้ให้รอดูสถานการณ์ ที่จะย่อตัวลงเพื่อลดความร้อนแรงของราคาหุ้นที่อยู่ในระดับที่เปราะบาง


ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อหุ้นช่วงนี้แนะนำกลุ่มที่ยังไม่ปรับตัวขึ้นมา (Laggard) เมื่อเทียบกับดัชนี SET ในรอบนี้ นั้นคือหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth stock) เช่นหุ้นส่งออกที่ร่วงลงมจากค่าเงินบาทแข็งค่า โดยประเมินว่าอัพไซด์ของค่าเงินบาทแข็งค่าจำกัดแล้ว จึงเป็นโอกาสสะสม


ทั้งนี้มองว่าหุ้น Growth stock กลับมาในธีมการลงทุนหลังจากถูกเทขายและเงินได้ไหลเข้าหุ้นมูลค่า (Value) ขณะเดียวกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังกลับมาเติบโตไม่มาก เงินเฟ้อที่ต่ำ และดอกเบี้ยต่ำ ยังเป็นจุดจูงใจให้ หุ้น Growth stock ปรับตัวเพิ่มขึ้น


@โผหุ้นโตดีราคาไม่แพง


นายณัฐชาติ ระบุว่า ได้วางหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นเติบโต ใน 4 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย 1. จะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2564 2.ราคาหุ้น (PE) ต้องไม่สูง เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต (G) หรือ PE/G ต่ำกว่า 1 เท่า 3. เป็นบริษัทที่ถูกปรับเป้ากำไร(EPS)ขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 4.ราคาหุ้นตั้งแต่ตั้งเดือนพ.ย.จนถึงปัจจุบันขึ้นต่ำกว่า 20%


สำหรับหุ้นที่เข้าข่ายอาทิ  KCE มีการเติบโตปี 2564 ที่ 64.37% PEG 0.71 เท่า , หุ้น EPG มีการเติบโต 80.34% PEG ที่ 0.83 เท่า หุ้น , KSL เติบโต 72.73% PEG 0.29 เท่า , หุ้น NYT เติบโต 50% PEG 0.45 เท่า , หุ้น SABINA เติบโต 38.27% PEG 0.69 เท่า , หุ้น SAT เติบโต 77.14% PEG 0.27เท่า , หุ้น SPALI เติบโต 16.83% PEG 0.53 เท่า , SRICHA เติบโต 166.67% PEG 0.12 เท่า


@ หุ้น Laggard น่าสน


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส ประเมิน กลยุทธ์การลงทุนเดือนธันวาคม การแกว่งตัวของ SET Index ในกรอบ 1,390-1,500 จุด ลดความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้นราว 20% ใน พ.ย. ภาพรวมตลาดยังเป็นบวกจากธีม “Back to Normal” หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯและผลการทดสอบวัคซีน COVID-19 ระยะที่ 3 ที่ออกมาในเชิงบวก ทำให้ยังมีคาดหวังว่าการค้าโลกและการเดินทางระหว่างประเทศจะทยอยกลับสู่ภาวะปกติในปีหน้า หนุนกระแสเงินทุนให้ไหลเข้า ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศโดยรวมยังไม่กดดัน แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม


แนะนำลงทุนหุ้นที่ยัง Laggard รวมถึงหุ้นที่ปรับฐานในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาจะมีโอกาสกลับมา Outperform จากการเกิด Sector-Stock Rotation หุ้นแนะนำเดือน ธันวาคม ได้แก่ HANA, JWD, MTC, SYNEX, TVO


@ ธ.ค.ลดลงมากกว่าขึ้น


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ประเมิน SET ในเดือนนี้ อัพไซด์ จำกัด บริเวณ 1,450 จุด มีโอกาสพักฐาน หลังดัชนีปรับขึ้นมาอย่างร้อนแรง และ โดยระดับ 1,440-1,450 จุด หากเทียบ P/E เฉลี่ยของ SET ที่ 15 เท่า จะเท่ากับ SET สะท้อนกำไรของตลาดที่ระดับ 96 บาทต่อหุ้น ซึ่งระดับนี้ เป็นช่วงกำไรที่ SET ทำได้ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 หรือก่อนที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ด้วยซ้ำ เท่ากับ SET สะท้อนมูลค่าล่วงหน้าไปค่อนข้างไกลแล้ว ทั้งนี้ SET มีแนวโน้มปรับลงหลุดต่ำกว่า 1,400 จุด และมีแนวรับที่ 1,350 และ 1,320 จุด


ทั้งนี้ จากสถิติ 5 ปีย้อนหลัง ปรากฏว่าแนวโน้มของ SET ในเดือน ธ.ค. ยังไม่มีทิศทางชัดเจนนักว่าคือเป็นการปรับลด 3 ปี และปรับขึ้น 2 ปี แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าปีที่ปรับขึ้นนั้นดัชนีขึ้นไม่แรงมาก ตรงข้ามกับปีที่ปรับลงนั้น ดัชนีลดลงค่อนข้างแรง ดังนั้น ในเดือน ธ.ค.นี้ คาดว่า upside ของ SET น่าจะจำกัด และมีโอกาสปรับลงมากกว่า


บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ระบุว่า ภาพรวมระยะสั้น Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นอาจหนืดๆ จากประเด็นการเมืองคอยกดดัน และมาตรการควบคุมเงินบาทเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ภาพระยะกลาง-ยาว ฝ่ายวิจัยยังคงมองบวกต่อทิศทาง Fund Flow ต่างชาติ ดังนั้นหากวัดจากจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ของตลาดหุ้นแต่ละประเทศ ตลาดหุ้นไทยถือว่ายังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีก โดยมีอัพไซด์สูงกว่า 12% จากจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่เหลืออัพไซด์ไม่เกิน 2% แนะนำเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย เลือกหุ้นใหญ่ที่เติบโตตามเศรษฐกิจ KBANK, BGRIM, SCC, BAM, CRC และ STGT และหุ้นกำไรเติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม AAV และ PR9

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X