01 ธันวาคม 2020 เวลา 09:35 น.
ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index ปิดที่ระดับ 1408.31 จุด (-29.47 จุด) ดัชนีเข้าสู่รอบการพักตัว เพื่อสะสมกำลังในการขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยวางแนวรับที่บริเวณ 1390-1400 จุด เป็นด่านสำคัญ คาดว่ามีโอกาสเกิดแรงซื้อกลับที่บริเวณดังกล่าว
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น ให้ทยอยทำกำไร ให้กลับมาสะสมอีกครั้งที่บริเวณ 1390-1400 จุด
ไม่มีหุ้น รอเก็งกำไรที่บริเวณแนวรับ 1390-1400 จุด
ประเมินแนวรับ 1400/1390 แนวต้าน 1420/1440
**บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีฯ ผันผวนต่อ หลังถูกขายหนักวันก่อน อาจมี rebound แต่หากปัจจัยถ่วงยังคงอยู่ จะไม่ทำให้ตลาดดีขึ้นได้มากนัก วันนี้ ติดตามแนวนโยบายค่าเงินของ ธปท. ท่าทีของ OPEC+ ต่อการผลิตน้ำมัน และความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน กลยุทธ์ ควรสลับขายทำกำไรออกไปบ้าง และรอซื้อในจังหวะที่ดัชนีฯเริ่มฟื้น
วานนี้ ตลาดหุ้นโลกถูกกดดันตั้งแต่ข่าวสหรัฐฯจะขึ้น Blacklist บริษัทจีนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ อาทิ CNOOC ด้าน OPEC+ ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะคงกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ม.ค.ไว้หรือไม่ การประชุมคืนที่ผ่านมา(30) จะเลื่อนการตัดสินใจออกไป เป็นวันพฤหัส(3) คาดจะกดดันหุ้นน้ำมันโดยตรง (PTTEP, PTT) แต่หุ้นปิโตรเคมีจะได้ประโยชน์จาก spread ที่สูงขึ้น (PTTGC, IRPC, IVL)
นอกจากนี้ กระแสข่าวที่นักลงทุนต่างประเทศอาจไม่สบายใจนักคือ รมว.คลัง ขอให้ ธปท.พิจารณามาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท แม้ ธปท.จะออกมาพูดวานนี้ ว่าจะไม่มีมาตรการใหม่ หลังจากที่ออกนโยบาย FX Ecosytem ไปเมื่อ 20 พ.ย.แล้วทำให้นักลงทุนต้องไปรอดูการแถลงในวันที่ 9 ธ.ค. แต่เราเชื่อว่า วันนี้(1) ธปท. น่าจะออกมาชี้แจงก่อนว่าจะมีมาตรการหรือไม่ เช้านี้ เงินบาทอยู่ที่ 30.28 บาท/ดอลล่าร์ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าเป็นผลจากดอลล่าร์อ่อน และเป็นลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก event อื่นๆ ที่ติดตามวันนี้ ประชุมครม. ตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ (เดือนก่อน 59.3)
#Strategy
นักลงทุนเลือกขายทำกำไรในช่วงที่มีข่าวลบ และต้องรอดูผลการพิจารณา เรื่องบ้านพักทหาร ของศาลฯในวันพรุ่งนี้ (2) ด้วย ซึ่งมีผลต่อสถานภาพของนายกรัฐมนตรี กลยุทธ์หลักๆ คือ ตัดขายทำกำไรออกไปบ้าง และถอยมารอให้ปัจจัยลบคลายตัวลง พอร์ตหุ้นวันนี้ เราถือหุ้นเดิมไว้ทั้งหมด หุ้นในพอร์ตจะประกอบด้วย IP*(10%), WHA(15%), SCGP*(20%), PTTEP(10%), RATCH(20%), BBL(20%)
#Strategy top picks
SCGP*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 45.00 บาท) “สินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง…E-Commerce เป็นตัวเร่งอุปสงค์”
•คาดอุปสงค์ในการใช้บรรจุภัณฑ์ในปี 2021-2022 ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจหลังจากที่ปีนี้ยอดขายได้รับผลกระทบจากโควิด-19
•โครงการที่บริษัทลงทุนแบบ Brownfield อีก 4 โครงการจะเริ่มทยอยเปิดตั้งแต่ 4Q20-2021 คาดช่วยเพิ่มรายได้อีกราว +10%/ปี
•การซื้อ Go-Pak หนุนรายได้อีกราว 2.8 พัน ลบ./ปี และเป็นการขยายฐานลูกค้าในโซนอเมริกาเหนือและยุโรป
•Bloomberg Consensus Survey กำไรสุทธิเฉลี่ยใน ปี 2021-2022 ที่ 8.1 พัน ลบ. และ 8.9 พัน ลบ. เติบโต +25%YoY, +10%YoY
Techncial : RS, TQM
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,400-1,420 จุด โดยระยะสั้นมีโอกาสเกิด Technical Rebound ตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยได้แรงหนุนจากตัวเลข Markit Manufacturing PMI เดือน พ.ย. เช้านี้ของหลายประเทศในเอเชียที่ออกมาขยายดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามทั้งการประชุม OPEC+ ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถตกลงเลื่อนระยะเวลาเพิ่มกำลังการผลิตราว 2 ล้านบาร์เรลออกไปจากเดิมที่จะเริ่มเดือน ม.ค. 2021 หรือไม่
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์กรณีอาศัยบ้านพักหลวงในวันพรุ่งนี้ หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Cyclical Play ทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี และธนาคารคาดฟื้นตัวระยะสั้น ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก รวมถึงกลุ่มที่ยัง Laggard เช่น สื่อสารฯ ค้าปลีก อสังหาฯ รับเหมาฯ PF&Reitคาดเป็นเป้าในการถูกเก็งกำไรและ Outperform มากขึ้น
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Laggard และยังเกาะกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า//รอทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานช่วงตลาดพักฐาน
หุ้นเด่นเดือนธ.ค. :HANA, JWD, MTC, SYNEX, TVO
หุ้นเด่นวันนี้:TVO
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 39 บาท
• ราคาถั่วเหลืองตลาดโลกปรับขึ้นเป็นบวกต่อกำไรของ TVO ตั้งแต่ 4Q20 ต่อเนื่องปี 2021 รวมถึงค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางแข็งค่าเป็นบวกต่อ TVO ในฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิ
• แนวโน้มราคาถั่วเหลืองคาดยังเป็นขาขึ้นในปีหน้าจาก Supply ที่ตึงตัวรวมถึงอเมริกาใต้ที่ถูกกระทบจาก La Nina ซึ่งส่งผลต่อ Yield ถั่วเหลือง เราคาดกำไรปี 2020 +15% Y-Y และเร่งขึ้นเป็น +40% Y-Y ในปี 2021 ราคาหุ้นเทรด 2021PER เพียง 11.5 เท่าและให้ Dividend Yield 7.4%
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$3,784 ล้าน โดยไหลออกจากเกาหลีใต้และไต้หวัน US$2,248 ล้านและ US$1,166 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยไหลออกเช่นกัน US$144 ล้าน โดยเป็นผลจาก MSCI Rebalance รวมถึงแรงขายจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้นแรงตลอดเดือน พ.ย. แนวโน้มของกระแสเงินทุนโดยภาพรวมคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียที่แข็งแรงกว่าภูมิภาคอื่นๆ
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม