> เคาะไปคุยไป > ERW

23 พฤศจิกายน 2020 เวลา 06:30 น.

เคาะ ERW

เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากข่าวความคืบหน้าของวัคซีนและล่าสุดธปท. ใช้มาตรการควบคุมการแข็งค่าของเงินบาท (เช่นเข้าซื้อเงินดอลลาร์ สะท้อนผ่านเงินทุนสำรองเพิ่มมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออกและกลุ่มท่องเที่ยว ที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย


ด้านผลการดำเนินงาน 3Q63ขาดทุนสุทธิ 514 ล้านบาท ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป แต่ในด้านของอัตราการเข้าพัก และค่าห้องพักเฉลี่ยนั้นปรับตัวดีขึ้น QoQ


1.กลุ่มโรงแรม HOP INN ในไทยที่อัตราการเข้าพักฟื้นตัวกลับมาเร็วเป็น 66-68%จนเกือบเทียบเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดที่ 70%ซึ่งเลยจุดคุ้มทุนและสามารถทำกำไรได้ในระดับ Net Profit เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรมกลุ่มนี้คือนักท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวกลับมาและได้รับนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวหนุน


2.กลุ่ม HOP INN ในฟิลลิปปินส์ยังคงฟื้นตัวช้าเนื่องจากโควิดยังคงรุนแรงกว่าไทยมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 30-38%


3.กลุ่มโรงแรมโดยรวม ยกเว้นกลุ่ม HOPINN นั้นมีการฟื้นตัวตามพื้นที่ไป โดยพื้นที่ที่มีการฟื้นตัวสูงได้แก่ หัวหิน และพัทยา ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนในประเทศเป็นหลัก ส่วนโรงแรมในกรุงเทพ และทางใต้ ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงฟื้นตัวได้ช้า


4.กลุ่มโรงแรมระดับ Luxury รายได้หลักเป็น F&B เป็นหลักถึง 80% อีก 20%เป็นการจัดเลี้ยง ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นทั้ง แต่ในด้านของค่าที่พักนั้นยังคงไม่มีรายได้อย่างเป็นนัยสำคัญ


แผนการดำเนินงานใน 4Q63 และปีถัดไปทางบริษัทจะดำเนินการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับรายได้ที่ลดลงโดยจัดการด้านพนักงานเป็นหลัก ลดพนักงาน จัดจำนวนพนักงานตามรายได้ของโรงแรม จ้าง Outsource และเสริม Multi skill ลดค่าอุปโภคต่างๆลง และแบ่งปันทรัพยากรระหว่างโรงแรมในเครือ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าในประเทศมากขึ้น จัดโปรโมชั่นตอบโจทย์นักท่องเที่ยในประเทศเพื่อเสริมรายได้ คาดว่าในช่วง 3Q64 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเริ่มกลับมาท่องเที่ยวโดยเริ่มจากภายในภูมิภาคก่อน และคาดว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ในปี 2566-2567 ทาง ERW ยอมรับว่าในระยะสั้นนั้นยังคงท้าทายมาก แต่มองว่าในอนาคตจะสามารถกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และ Branding ของกลุ่มโรงแรมที่สามารถจับกลุ่มลูกค้าได้


แนะนำ “เคาะ” ครับ แท่งเทียนปรับตัวขึ้นตามเส้นค่าเฉลี่ย SMA 5 วัน ระยะสั้นเน้นยืนเหนือ 3.20 เป็นแนวรับหลักไม่ควรต่ำกว่ามีโอกาสรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 3.48/3.56ตามลำดับ


คำแนะนำของ ASL

กรณี “มีหุ้น” ถือ เพิ่มการลงทุน / แนวต้าน 3.48/3.56 มีโอกาสทดสอบ

กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 3.20/3.04 ไม่ควรต่ำกว่า

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X