> SET > TTA

19 พฤศจิกายน 2020 เวลา 08:30 น.

TTAชูสินค้าเทกองฟื้น ชี้ขนส่งทางเรือมาแล้ว

ทันหุ้น –TTA ส่งสัญญาณบวกไตรมาส 4/2563 การขนส่งสินค้าเทกองกลับมาคึกคัก ดันธุรกิจเดินเรือฟื้น ขณะที่ BDI ปรับตัวดีขึ้น ลุ้นธุรกิจบริการนอกชายฝั่งพลิกกำไรจากการขายธุรกิจขุดเจาะที่มีความเสี่ยงออกไป มองแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก


นายจิเทนเดอร์ พอล เวอร์มา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า เเนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และฟื้นตัวจากไตรมาส 3/2563 จากธุรกิจหลักคือ การส่งสินค้า (Shipping) เเละธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง (OFFSHORE SERVICE) ที่ดีต่อเนื่องมาจากไตรมาส 3/2563 รวมถึงธุรกิจเคมีเกษตร (Agrochemical) ด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ปัจจุบันร้านพิซซ่า ฮัท ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 157 สาขา และทาโก้ เบลล์ ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 7 สาขา โดยปัจจุบันมีร้านอาหารภายใต้การบริการรวม 162 สาขา


ขณะที่แนวโน้มการเติบโตรายธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้า โดยแนวโน้มการเดินเรือปี 2564 คาดว่าในกลุ่มสินค้าเทกองจะเติบโตประมาณ 4% ซึ่งหากคิดเป็นการเติบโตระยะตันไมล์อยู่ที่ 4.4% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าปี 2562 และเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งมองว่าปี 2564 การเติบโตจะกลับมาชดเชยปีนี้ได้เป็นอย่างดี


*BDI ปรับตัวดีขึ้น


ด้านดัชนีค่าระหว่างเรือ (BDI) ในช่วงไตรมาส 3/2563 เพิ่มมาอยู่ที่ 1,522 จุด ดีขึ้นจากไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 783 จุด ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากในระดับที่สูง และความต้องการในสินค้าเทกองเริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจขนส่งเรือเทกอง เเละเริ่มเห็นแนวโน้มของตลาดที่เป็นบวกมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการนำเข้าแร่เหล็กของจีนที่แข็งแกร่งและการส่งออกถั่วเหลืองที่ดีขึ้นจากทั้งสหรัฐฯ และบราซิล


ทางด้านอัตราการเติบโตของกองเรือ คาดว่าจะอยูที่ 1.5% เทียบกับปีก่อน ซึ่งถึงว่าค่อนข้างน้อย หากเทียบกับความต้องการสินค้าเทกองจะเติบโตอยู่ประมาณ 4% ซึ่งการสั่งต่อเรื่องใหม่ในปัจจุบันอยูที่ 7% ของโลก ณ ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำ เเละคาดว่าไตรมาสที่ 4/2563 รายได้ในกลุ่มเดินเรือจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง


*การลงทุนขนาดใหญ่หนุน


ขณะที่เเนวโน้มของธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ซึ่งบริษัทได้ขายธุรกิจขุดเจาะออกไป เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยง และหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง รวมถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจการวางสายเคเบิลใต้ทะเล ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งในปี 2564 น่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้และจะมีกำไรต่อเนื่องหลังจากนี้เป็นต้นไป สำหรับเงินสดที่ได้รับมาจากการขายบริษัทในครั้งนี้ก็จะใช้เป็นทุนสำรองในการดำเนินงานในอนาคตต่อไป ทั้งนี้การให้บริการนอกชายฝั่งไม่ได้อ่อนไหวกับราคาน้ำมันมากเท่ากับธุรกิจขุดเจาะ ซึ่งได้ขายธุรกิจดังกล่าวออกไปแล้ว


ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ ปัจจุบันมีการซื้อขายที่ค่อนข้างต่ำที่เฉลี่ยอยู่ที่ 43 ดอลลาร์สหรัฐ เเต่แนวโน้มสำหรับผู้ให้บริการใต้ทะเลยังคงเป็นบวกในระยะยาวเนื่องจาก ยังมีโครงการใหม่ๆที่จะทยอยลงทุน อาทิ ซาอุดีอาระเบียมีแผนลงทุน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในชายฝั่งทะเลตะวันออกในหลาย ๆ ด้าน เเละโครงการต่างๆจนถึงปี 2568 กาตาร์มีแผนลงทุน 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในภาคน้ำมันและก๊าซ นอกจากนี้ในตลาดแอฟริกาตะวันตกสาขาวิชาเอกได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับภาคใต้ทะเลนอกเหนือจากโมซัมบิก 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X