> SET > OSP

13 พฤศจิกายน 2020 เวลา 08:00 น.

OSPวางเกมเทคโอเวอร์ ปีหน้าโตเลขสองหลัก


ทันหุ้น-OSP วางกลยุทธ์ปี 64 มองหาโอกาสซื้อกิจการหรือร่วมลงทุนในธุรกิจของใช้ส่วนบุคคล และธุรกิจเกี่ยวกับด้านสุขภาพ ชี้บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งรองรับและไม่ต้องกู้ ขณะเดียวกันปีหน้าจะมุ่งเน้นสร้างกำไรให้เติบโตโดยตั้งเป้าหมายโตเป็นตัวเลขสองหลัก พร้อมกับโฟกัสขยายตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในเมียนมาร์มากขึ้น โบรกเคาะเป้า 54 บาท


นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน) หรือ OSP  ระบุ บริษัทวางกลยุทธ์การเติบโตในปี 2564 มุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรด์เครื่องดื่มชูกำลังทั้งลิโพวิตันดี และฉลาม เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้ยังคงแสวงหาการเติบโตผ่านการทำ M@A(ควบรวมกิจการ) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัท อาทิสินค้าอุปโภค-บริโภค เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง อีกทั้งไม่มีภาระเงินกู้


“ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจจะทำให้มีหลายบริษัทที่ต้องการที่จะขายกิจการ หรือหาผู้ร่วมทุน ซึ่ง OSPก็สนใจที่จะเข้าไปศึกษาและเข้าไปลงทุนหากเห็นว่าเหมาะสม ส่วนธุรกิจที่สนใจนั้นจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับของใช้ส่วนบุคคล และธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจะทำให้ขยายฐานตลาดเพิ่มขึ้น”


ขณะเดียวกัน บริษัทจะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของกำไร โดยมีการควบคุมต้นทุนในการบริหารผ่านโครงการ Fit Fast Firm ซึ่งในปีนี้บริษัทสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 1 พันล้านบาท ทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 800 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะลดต้นทุนได้มากขึ้น


รุก CLMV


นางกรรณิกา ระบุว่า บริษัทก็จะเน้นขยายฐานธุรกิจในประเทศเมียนมาร์เพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งเน้นขยายฐานการตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นผู้นำ แต่ส่วนแบ่งการตลาดลดลง ซึ่งบริษัทได้ศึกษาแนวทางการดำเนินงานไว้แล้ว เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ในเมียนมาร์ดีขึ้น ก็พร้อมที่จะรุกตลาดได้ทันที


ด้านนางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภาจำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปีหน้าที่ระดับ 2.5 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักร และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ส่วนในปีนี้เดิมตั้งงบลงทุนไว้ที่ 5 พันล้านบาท แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ชะลอการลงทุนบางส่วน ทำให้งบลงทุนในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3 พันล้านบาท


ทั้งนี้ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง และ เครื่องดื่ม Functional Drinksมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นอันดับในตลาด โดยส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังใน 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 54.4% จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 53.4% ส่วนเครื่องดื่ม Functional Drinks ใน 9 เดือนแรก มีส่วนแบ่งการตลาด 37.4%เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 32.7% โดยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มซีวิทยังคงเป็นแบรนด์เครื่องดื่มวิตามินซีอันดับหนึ่ง


**เป้า 54 บาทต่อหุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี(ประเทศไทย) จำกัด มองว่าในปี 2564 จะเป็นปีทองของ OSP โดยประเมินว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 4,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีนี้ ซึ่งมาจากรายได้ที่ขยายตัวในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะรายได้เครื่องดื่มในประเทศที่เครื่องดื่มชูกำลังกลับมาฟื้นตัว และรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่ของซีวิท ที่เพิ่มขึ้นเต็มปี


ส่วนรายได้ต่างประเทศ คาดขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมียนมาร์รับรู้กำลังการผลิตจากโรงงานเต็มปี หนุนอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในไตรมาส 4/2563 ปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโต 28%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 16% จากไตรมาส 3/2563 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 54 บาทต่อหุ้น

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X