> กองทุน >

26 ตุลาคม 2020 เวลา 15:04 น.

SSF มากกว่าเครื่องมือทางภาษี สร้างเงินก้อนด้วยเป้าหมาย10ปี

“กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ” มองกองทุน SSF ให้มากกว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษี แนะตั้งเป้าระยะกลางเพื่อจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมผ่าน SSFซึ่งเป็นกองทุนที่มีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนหลากหลายตามระดับความเสี่ยง ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งแผนการลงทุนระยะยาวยังช่วยลดความผันผวนของตลาดได้ ขณะที่ RMF เป้าหมายชัดแผนการออม-ลงทุนระยะยาว มีเงินก้อนหลังเกษียณแบบมั่นคง


นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ ผู้บริหารฝ่าย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า ในโค้งท้ายวางแผนภาษีซึ่งปีนี้แนะนำกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งนอกจากได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ยังช่วยให้ผู้ลงทุนได้วางแผนการเงินด้วยเป้าหมายระยะกลาง รวมถึงระยะยาวได้อย่างเหมาะสมได้อีกด้วย


นายกิตติคุณ แนะนำว่า ในส่วนของ กองทุน SSF ด้วยระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุนที่ 10 ปีแบบนับวันชนวัน เหมาะสำหรับการวางเป้าหมายระยะกลาง เพื่อนำเงินจากการลงทุนไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ออมเพื่อการศึกษาลูก ออมเพื่อซื้อบ้าน ออมเพื่อปิดหนี้เงินกู้ซื้อบ้านเป็นต้น ขณะที่ RMFนั้นค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการออมเพื่อมีเงินใช้ยามเกษียณ ดังนั้นระยะเวลาในการขายหน่วยลงทุนคือเมื่ออายุ 55 ปี และต้องลงทุนและถือหน่วยเป็นระยะเวลา 5 ปี


วางแผนต้องคิดถึงสภาพคล่อง

“สิ่งสำคัญของการลงทุนในกองทุน SSF คือผู้ลงทุนต้องคำนึงถึงสภาพคล่องด้วย เนื่องจากเงินลงทุนดังกล่าวจะไม่สามารถขายคืนได้ก่อนกำหนด จึงต้องมีการวางแผนให้ดีก่อนลงทุน รวมการการกำหนดเป้าหมาย และการศึกษาเงื่อนไขของกองทุน และระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนแต่ละคนจะรับได้”


อายุอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการวางแผนลงทุน นายกิตติคุณ มองว่า กลุ่มที่มีรายได้ และต้องเสียภาษีที่อายุน้อย ราว 25 ปี ไม่เกิน 40 ปี อาจเลือกวางแผนลงทุนด้วยเป้าหมายระยะกลางมากกว่าระยะยาว นั่นคือการลงทุนในกองทุน SSF ก่อนก็เป็นได้ เนื่องจากไม่ต้องถือครองหน่วยจนถึงอายุ 55 ปี แบบกองทุน RMFในขณะที่ผู้ลงทุนอายุ 45 ปีขึ้นไป อาจเลือกลงทุนใน RMF มากกว่า ด้วยระยะเวลาการถือครองหน่วยใกล้เคียง หรืออาจน้อยกว่าการลงทุนใน SSF


นายกิตติคุณ เนื่องจากเป้าหมายของการออก SSF คือส่งเสริมการออม ซึ่งต่างจาก กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ส่งเสริมการลงทุนในตลาดทุน ดังนั้น SSF จึงมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายมากกว่า LTF ที่ลงทุนแต่หุ้นไทย ทำให้ผู้ลงทุนในSSFสามารถจัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะกลาง อีก 10 ปีข้างหน้าได้ และการลงทุนยิ่งนานก็มีโอกาสในการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้อีกด้วย


รวมถึงยังเปิดโอกาสในการลงทุนที่กว้างขึ้น โดยทั้ง SSF และ RMFสามารถลงทุนได้ 30%ของเงินได้พึงประเมิน และ SSFสามารถลดหน่อยได้สูงสุด 200,000 บาท อย่างไรก็ตามวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีของSSF นั้นรวมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ RMF ด้วย คือสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุน SSF ตัวเก่ง


สำหรับ บลจ.กสิกรไทย ปัจจุบัน มีกองทุน SSF 4 กองทุน กระจายครอบคลุมในหลายสินทรัพย์ ซึ่ง นายกิตติคุณ เชื่อว่าเพียงพอที่จะให้ผู้ลงทุนสามรถสร้างพอร์ตตามระดับความเสี่ยงได้อย่างเหมาสม เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยกองทุน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดเพื่อการออม (K-FIXEDPLUS-SSF) ลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ระดับ A+ ขึ้นไปถึง 90% ของพอร์ต ความผันผวนต่ำเพราะกระจายลงทุนในตราสารหนี้กว่า 70 ตัว โดยพิจารณาทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและความเสี่ยง สำหรับผลการดำเนินงาน YTD อยู่ที่ 0.38% (20 ต.ค.63, บลจ.กสิกรไทย)


กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class A (mth)-EUR (กองทุนหลัก) มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ 


นโยบายของกองทุนหลัก คือลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารแห่งทุน และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลกกว่า 2,500 ตัว โดยเน้นลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายผลตอบแทนสูง ทั้งในรูปดอกเบี้ยหรือ เงินปันผล บาลานซ์ความเสี่ยงจากการลงทุนแบบผสม ให้ความผันผวนต่ำกว่าหุ้น และมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ กองทุนมีนโยบายจ่ายปันผล ปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ผลการดำเนินงาน YTD อยู่ที่ 8.88% (20 ต.ค.63, บลจ.กสิกรไทย)


K-CHANGE-SSF มาแรง

กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF) กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) (กองทุนหลัก) มีการกองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ


นโยบายกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกประมาณ 25-50 หุ้น จากการวิเคราะห์หุ้นที่น่าสนใจกว่า 1,000 บริษัท โดยทีมนักวิเคราะห์มากถึง 100 คน โดยเน้นบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมโดยรวม หรือสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม คุณภาพของระบบการดูแลสุขภาพ และด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ผลการดำเนินงาน YTD อยู่ที่ 36.06% (20 ต.ค.63, บลจ.กสิกรไทย)


กองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-STAR-SSF) กองทุนรวมหุ้นที่เน้นลงทุนหุ้นไทยพื้นฐานดีที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ พร้อมทั้งจับจังหวะในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนน้ำหนักรายกลุ่มอุตสาหกรรม และสัดส่วนการถือครองเงินสด ในสถานการณ์ตลาดที่อำนวยเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะสั้น และกองทุนมีจุดเด่นด้วยเทคนิค Tactical Trading ที่ผู้จัดการกองทุนจับจังหวะซื้อ-ขาย หุ้นตลอดเวลา เพื่อโอกาสทำกำไรในทุกช่วง ผลการดำเนินงาน YTD อยู่ที่ -4.58% (20 ต.ค.63, บลจ.กสิกรไทย)


นายกิตติคุณ แนะนำว่า อยากให้มอง กองทุน SSF และ RMF เป็นเรื่องของการวางแผน การวางเป้าหมายระยะกลาง และระยะยาวมากกว่า โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีถือเป็นของแถมที่เพิ่มขึ้นมา ดังนั้น ผู้ลงทุนเมื่อมีเป้าหมายชัดเจน ก็ต้องรู้ว่ารับความเสี่ยงจากการลงทุนได้แค่ไหน ซึ่งอย่างที่กล่าว SSF และ RMF มีแผนการลงทุนที่ครอบคลุมหลายสินทรัพย์ ตั้งแต่ เสี่ยงน้อย เช่น ตราสารหนี้ ไปจนถึงเสี่ยงสูงอย่างหุ้น และสามารถกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลดความผันผวนและความเสี่ยงของแต่ละภูมิภาค ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นสูงเมื่อเทียบกับ LTF



จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X