> SET > SCC

21 ตุลาคม 2020 เวลา 08:15 น.

SCCจับตาSCGPเข้าเทรด ธุรกิจแพ็คเก็งจิ้งโอกาสโตสูง

ทันหุ้น –สู้โควิด –SCC จับตาหุ้นลูก SCGP เข้าเทรด 22 ตุลาคมนี้ โบรกมองหากยืนราคาเหนือเป้า 38 บาท มีลุ้นปรับดิสเค้าส์พรีเมี่ยม ชี้ธุรกิจ Packaging ในอุตสาหกรรมมีโอกาสการเติบโตสูง ขณะที่ประเมินไตรมาส 3/2563 คาดกำไรสุทธิเกินหมื่นล้านบาท ธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นชัดเจน อุปสงค์จากจีนยังแข็งแกร่ง และสเปรดปิโตรเพิ่มขึ้น


นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองต่อ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เป็นบวกต่อการที่บริษัทยอย บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ หากมองในแง่ของผลประกอบการถูกนับรวมในประเมินของ SCC อยู่แล้ว และมองว่าเป็นผลบวกต่อตัวแม่ เพราะธุรกิจ Packaging ในอุตสาหกรรมมีโอกาสการเติบโตสูง


*ธุรกิจ Packaging ไปต่อ


อีกทั้งจากการที่ธุรกิจ Packaging ไปลงทุนใน 2 บริษัทใหม่เข้ามาเพิ่มน่าจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งที่มากขึ้นในอนาคต ประกอบกับผลกระทบของไวรัสโควิ-19 ที่เบาบางลง รายได้-กำไรดีขึ้น หนุนราคา SCGP ที่ SCGP เทรดดิ้งแล้วตลาดให้แวลูเอชั่นเยอะ หากประเมินราคาสูงกว่าบริษัทแม่ (ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมของ SCGP ที่ 38 บาท) และสามารถยืนเหนือราคานั้นได้ในระยะยาว ตลาดอาจต้องมีการปรับดิสเค้าส์พรีเมี่ยม


สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/2563 ของ SCC คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 ไว้ที่ราว 8,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หากตัดรายการพิเศษ fx loss ราว -205 ล้านบาท และ Stock gain ประมาณ 626 ล้านบาท และอื่นๆ ออก ก็ประเมินว่ากำไรปกติในไตรมาส 3/2563 จะอยู่ที่ 8,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ลดลง 10% จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดเดิม


โดยการเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนมาจากแรงหนุนของอัตรากำไรธุรกิจซีเมนต์และธุรกิจเคมีภัณฑ์ ส่วนการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากธุรกิจซีเมนต์เป็นโลวซีซัน และธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีปริมาณขายลดลงจากการเตรียม Stock ไว้รองรับการขายในช่วงปิดซ่อมโรง MOC ราว 45 วัน ในไตรมาส 4/2563 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปกติในไตรมาส 4/2563 จะต่ำสุดในปีนี้ โดยจะปรับตัวลดลงทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหนา จากแรงฉุดของธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มาจากการปิดซ่อมเป็นหลัก


*เก็งงบ Q3/63 เกินหมื่นล.


บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุถึง SCC ว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2563 จะอยู่ที่ราว 1.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน โดยหลักเป็นผลจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อุปสงค์จากจีนยังแข็งแกร่งสะท้อนจากตัวเลข PMI และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งผลให้ส่วนต่างปิโตรเคมีปรับเพิ่มขึ้นกว่า 7% จากไตรมาสก่อน ด้านธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างอาจจะยังอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อนจากผลกระทบของฤดูกาลที่เป็นหน้าฝน


ขณะที่ประเมินกำไรปี 2563 ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท โดยประมาณการครึ่งปีแรก คิดเป็นประมาณ 50% ของประมาณการทั้งปี โดยแนวโน้มไตรมาส 3/2563 กลุ่มปิโตรเคมีน่าจะยังดีเนื่องจากเป็นช่วง Season ของการผลิตสินค้า แต่ไตรมาส 4/2563แนวโน้มของผลกำไรน่าจะลดลงเพราะบริษัทจะมีการ Turnaround 45 วัน โรงปิโตรเคมีที่มีการเลื่อนมาจากไตรมาส 2/2563ในขณะที่กลุ่มธุรกิจธุรกิจซีเมนต์ภาคเอกชนอาจจะยังชะลอตัวในครึ่งปีหลัง 2563 เนื่องจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจนจากผลของ COVID-19


ยังคงราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 380 บาท แต่ปรับคำแนะนำเป็น Trading Buy โดย 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลง 12% สวนทางกับแนวโน้มของผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ที่น่าจะยังออกมาค่อนข้างดี

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X