ภาพรวมผลประกอบการ 2Q63 SCCC มีกำไรสุทธิ 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.8%YoYแม้ว่าจะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลลบต่อธุรกิจ ผ่านอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง แต่ทั้งนี้บริษัทได้ใช้กลยุทธ์หลักในการควบคุมต้นทุนด้านพลังงานและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพื่อลดแรงกดดันทางรายได้ ทั้งนี้ตลาดูนซีเมนต์ในประเทศ ยังมีโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ในส่วนของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ยังคงชะลอตัว รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ราคาปูนซีเมนต์ลดลงเล็กน้อย ขณะที่ต่างประเทศมีอุปสงค์ปูนซีเมนต์ที่ลดลงทั้งเวียดนามตอนใต้ ศรีลังกา บังกลาเทศ ยกเว้นที่กัมพูชาที่ยังขยายตัวได้บ้าง

คาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิใน 3Q63 จะลดลง QoQ และ YoY เหลือเพียง 700-800 ล้านบาท จากแนวโน้มยอดขายปูนซีเมนต์ในต่างประเทศหดตัว แม้ว่ายอดขายในประเทศจะทรงตัว นอกจากนี้ยังมีการปิดซ่อมบำรุงเตาปูนซีเมนต์สองเตาในไทย ทำให้กดดัน อัตราการทำกำไรขั้นต้นที่จะลดลง แต่เราเชื่อว่าจะกระทบไม่มากเนื่องจาก SCCC ยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งถือว่าเป็น Key หลักในการดำเนินงานของปีนี้ นอกจากนี้มีโอกาสที่ SCCCจะกลับมาจ่ายปันผลในงบปีได้ในช่วง 5.50-6.50 คิดเป็น div. yieldสูงกว่า 4.6-5.4% รวมถึงได้ประเด็นบวกจากการแต่งตั้ง รมว. คลังคนใหม่ ที่มองว่าจะสานต่อนโยบายการลงทุนภาครัฐต่อเนื่อง ทำให้ SCCC มีโอกาสเพิ่มยอดขายได้

แนะนำ “เคาะ” ครับ ทางด้านปัจจัยเทคนิค ราคาปรับตัวขึ้นจากฐานแนวรับ 118.50-120.00 มองเป็นสัญญาณบวกเริ่มชัดขึ้น ความเสี่ยงขาลงลดลง ระยะสั้นลุ้นยืนเหนือ แนวต้านขาลง EMA 10 วันที่ 121.50 หากผ่านยืน อาจเห็นการเกิด golden cross ของ EMA ระยะสั้นที่ตัดขึ้นเป็น buy sig. ขณะที่ slow stochastic และ RSI ที่เริ่มชี้ขึ้นเป็นโมเมนตัมบวก

กรณี “มีหุ้น” แนะนำ ถือหรือซื้อเพิ่มเมื่อผ่านยืน 121.50 ได้มั่นคง

กรณี “ไม่มีหุ้น” แนะนำ ซื้อเล่นรอบเมื่อยืนเหนือกรอบแนวรับ 120.00-118.50 ไม่ต่ำกว่ามองบวก